จีนแจ้งมีผู้ติดปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 4 รวมเป็น 45 แต่นักวิจัยที่อังกฤษเชื่อยอดจริงกว่า 1,700 คน
เว็บไซด์ www.komchadluek.net รายงานว่า ทางการสาธารณสุข อู่ฮั่น เมืองทางภาคกลางของจีน ที่กำลังเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แจ้งวันนี้ (18 ม.ค.) ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 4 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในเมืองนี้อยู่ที่ 45 คน จำนวนนี้เสียชีวิต 2 คน แต่นักวิจัย อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ที่ทำงานประสานกับองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยอดที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ 40 เท่า
ผู้ป่วยใหม่ในอู่ฮั่น ถูกตรวจพบเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ม.ค.) ทุกคนอาการทรงตัว ส่วนประชาชน 763 คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อทั้ง 45 ราย ไม่พบอาการผิดปกติ
รายงานตีพิมพ์บนเว็บไซต์ ศูนย์เอ็มอาร์ซีเพื่อวิเคราะห์โรคติดต่อทั่วโลกของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ชี้ว่า มีแนวโน้มที่ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจปานกลางถึงรุนแรงจากไวรัสใหม่อีกมากที่ยังไม่ได้รับการระบุหรือยืนยัน และประเมินว่าถึงวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่น่าจะไม่ต่ำกว่า 1,700 คน
ตัวเลขนี้ตั้งอยู่บนข้อสันนิษฐานจากระยะเวลาการตรวจเจอเชื้อ ประชากรที่สนามบินอู่ฮั่น และจำนวนนักเดินทางไปต่างประเทศจากสนามบินอู่ฮั่น
นักวิจัยแนะว่า ควรขยายการเฝ้าระวังไปยังทุกคนที่เคยเป็นปอดอักเสบ หรือโรคทางเดินหายใจรุนแรงตามโรงพยาบาลต่างๆในอู่ฮั่น และเมืองอื่นๆในจีน ที่มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมกัน
ผลศึกษาออกมาในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาค เพิ่มการคุมเข้มคัดกรองนักท่องเที่ยวจากจีนก่อนเทศกาลตรุษจีนที่จะเริ่มในสุดสัปดาห์หน้า หลังจากที่ไทย เพิ่งยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายที่สอง เป็นสตรีชาวจีนวัย 74 ปี ที่ถูกกักดูอาการหลังเดินทางมาถึงไทยเมื่อวันจันทร์ ส่วนที่ญี่ปุ่น พบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันพฤหัส เป็นชายชาวจีนอาศัยในญี่ปุุ่นแต่เพิ่งกลับจากไปอู่ฮั่น ล่าสุด สนามบินอย่างน้อย 3 แห่งในนิวยอร์ก ซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส ก็เริ่มคัดกรองผู้โดยสารจากอู่ฮั่นแล้วเช่นกัน
ศาสตราจารย์ นีล เฟอร์กูสัน จากทีมวิจัย กล่าวว่า การส่งออกผู้ติดเชื้อจากอู่ฮั่นไปยังประเทศอื่น 3 ราย อาจอนุมานได้ว่าน่าจะต้องมีผู้ติดเชื้อจริงอีกมาก แม้เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ตัวเลขแท้จริง แต่โมเดลการระบาดของไวัรส ประชากรท้องถิ่น และจำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินอาจใช้ในการประเมินได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/