กกต.เผยแพร่คำวินิจฉัยชงศาลฎีกาแจกใบดำ-ใบแดง “ชาติชาย “ ผู้สมัครส.ส.เมืองจันท์ พรรคประชาธิปัตย์ เหตุปากดีปราศรัยใส่ร้าย 3 อดีตลูกพรรคถูกซื้อตัว 70 ล้านย้ายพรรค เจอดัดหลังอดีตคนปชป. พร้อมร้องสอบเอาผิดพร้อมสั่งดำเนินคดีอาญา อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเมืองกาญจน์ แจกเงินผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจเลือกส.ส.พปชร.
เว็บไซต์ www.naewna.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2562 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.กรณีมีมติยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้เพิกถอนสิทธิสมัคร สิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญานายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัครส.ส.เขต 2 จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 138 มาตรา 73วรรคหนึ่ง( 5) ประกอบมาตรา 159 หลังตรวจสอบพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นแผ่นบันทึกภาพและเสียงประกอบคำร้องของผู้ร้องและคำรับของนายชาติชายแล้วฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 10.18 น. นายชาติชาย ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่บริเวณตลาดวังพง ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี มีข้อความบางช่วงบางตอนว่า “ท่าน(หมายถึงนายชวน หลีกภัย) ) บอกว่าท่านขอโทษพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ท่านเสียใจมากที่ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัว แล้วย้ายพรรคไปแล้วนะครับ พวกผม 3 คนเขต 1 รองปวีณา เขต 2 ผมกำนันชาติ เขต 3 น้องเบนซ์ ชรัตน์ เนรัญชร นะครับ เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ให้กับพี่น้องชาวจันทบุรีในนามพรรคประชาธิปัตย์” และข้อความ “
ส่วนที่ท่านรองสาธิต( หมายถึงนายสาธิต ปิตุเตชะ)ได้พูดว่าให้พวกเราทั้ง 3 คน ยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องชาวแห่งหางแมว พ่อแม่พี่น้องชาวจันทบุรี ไว้แต่แรกแล้วนะครับว่า ที่นายกชวนได้พูดถึงนะครับว่าท่านเสียใจแล้วก็ขอโทษพี่น้องชาวแก่งหางแมวและพี่น้องชาวจันทบุรีที่ส.ส.ทั้ง 3 คน ได้ถูกซื้อตัวแล้วก็ย้ายพรรคไปอยู่พรรคอื่นแล้ว พวกผมทั้ง 3 คนนะครับ ยืนยันแล้วก็ปฏิญาณนะครับ พร้อมที่จะปฏิญาณกับพี่น้องชาวแก่งหางแมว และก็พี่น้องประชาธิปัตย์ชาวจันทบุรีว่าพวกเรา 3 คน จะทำงานด้วยอุดมการณ์ เงินเพียงมากน้อยแค่ไหนอย่างที่ท่านรองสาธิตท่านบอกของท่านยังมีตกแล้วอย่างน้อยต้องมี 70 ล้านขึ้น พวกผมทั้ง 3 คนก็ยังถืออุดมการณ์ อย่างที่ท่านรองสาธิตว่า เงินไม่สามารถซื้อพวกเราได้ “
โดยในขณะปราศรัยหาเสียงดังกล่าว นายชาติชายได้จัดให้มีการเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านทางเฟซบุ๊คชื่อชาติชาย วรพิพัฒน์ ด้วยการปราศรัยหาเสียงโดยใช้คำว่า “ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัวแล้วย้ายพรรคไปแล้ว “ ซึ่งผู้ร้องยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส. จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ย้ายมาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ การปราศรัยหาเสียงดังกล่าวของนายชาติชาย จึงหมายถึงผู้ร้องซึ่งอดีตเคยเป็นส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นการใส่ร้ายผู้ร้องและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจว่าย้ายพรรคเพราะถูกซื้อตัว ละทิ้งอุดมการณ์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยมและจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย การกระทำของผู้ร้องจึงเข้าข่ายเป็นความผิด
ทั้งนี้ กรณีของนายชาติชาย หากศาลฎีกามีความเห็นยืนตามที่กกต.เสนอก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่งต่อจากกรณีใบเหลืองของนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งกกต.ได้ส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาแล้ว โดยจะมีผลให้ต้องมีคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อของทุกพรรคการเมืองใหม่ หลังจากตัดคะแนนของนายชาติชายออก ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายชาติชาย ได้คะแนน 19,711 คะแนน
นอกจากนี้ ยังมีคำวินิจฉัยให้ดำเนินคดีอาญากับนายไพรัตน์ สุขสถาพรชัย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 158 ประกอบมาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1)จากกรณีมีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกภาพและเสียงของพยานและคำให้การของพยานที่ยืนยันตามที่มีผู้แจ้งเหตุว่า วันที่ 23 มี.ค. 62 เวลา 20.30 น.ก่อนวันเลือกตั้งได้รับเงินจำนวน 600 บาทจากนายไพรัตน์ เพื่อจูงใจให้ผู้แจ้งเหตุและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในบ้านรวม 3 คน ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับพล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ผู้สมัครส.ส.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องแต่ไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพล.อ.สมชาย เกี่ยวข้องกับการกระทำของนายไพรัตน์ และพล.อ.สมชายยืนยันว่าไม่รู้จักนายไพรัตน์ จึงยังฟังไม่ได้ว่าพล.อ.สมชายเป็นผู้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นายไพรัตน์กระทำการ จึงให้ยุติเรื่องในส่วนที่ร้องพล.อ.สมชาย