ฝันร้ายเศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในรอบ5ปี อัดมาตรการพยุงเพียบ ดึงเงินเงินงบประมาณปี64 และปีต่อๆไปมาใช้เดิมพัน
เว็บไซต์ www.tnnthailand.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ทิ้งทวนด้วยมาตรการชุดใหญ่หรืออาจจะเป็นชุดสุดท้ายของ ปี 2562 ที่สำคัญมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในครั้งนี้ ใช้เงินงบประมาณ 35,833.94 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 5,000 ล้านบาท โครงการ “บ้านดีมีดาวน์” และอีก 30,833.94 ล้านบาท จะใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 และปีต่อๆไป เดิมพันกันด้วยการดึงเงินอนาคตมาใช้ล้วนๆ
ทางกระทรวงการคลัง ระบุว่า มาตรการทั้งหมดนี้ เมื่อรวมกับสินเชื่อต่างๆของธนาคารคาดว่า จะมีเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 144,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับ “มาตรการชิม ช้อป ใช้” คาดว่า จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวได้ 2.8% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่สูงกว่าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% เนื่องจากขณะนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการชิม ช้อป ใช้ เริ่มเติมเงินในกระเป๋าใบที่ 2 มากขึ้น ซึ่งมียอดใช้จ่ายแล้ว 3,000 ล้านบาท จากเดิมไม่ถึง 1,000 ล้านบาท”.
ความหมายคือ ดึงงบประมาณ ปี 2564 และปีต่อๆไปมาใช้ฟื้นเศรษฐกิจปี 2562 อย่างเดียวหรือ และหวังว่าเมื่อเศรษฐกิจปี 2562 ฟื้นก็จะส่งผลต่อเนื่องไปยัง ปี 2563 ปี 2564 หรือ ปี 2565 หรือปีต่อๆไปรึเปล่า และถ้า 2 มหาอำนาจ หรือ Brexit ยุโรป หรืออะไรอะไรที่เกิดขึ้นในโลกนี้โดมิโนที่กลับกระทบเศรษฐกิจไทยอีกจะทำอย่างไร
คำถามคือเมื่อเรามีพันธมิตรอย่างประชาคมอาเซียน ที่บอกว่า “ตลาดและฐานการผลิตเดียว หรือ Single Window” ทำไมเราจึงเลือกเดินหน้าลุยเดี่ยว ไม่ใช่ทิ้งเขาไว้ข้างหลังแต่กลายเป็นว่าเราโดนทิ้งไว้ข้างหลังจนไม่เป็นฝุ่นต่างหาก ดูได้จากอัตราการเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม AEC แล้ว เรียกได้ว่ากว่าจะตามเขาทันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ