น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ หรือ แม่มณี ผู้ต้องหาคดี “แชร์ออมเงิน-ออมทองแม่มณีลวงโลก” ลั่นไม่ผิด ไม่ขอโทษใครทั้งนั้น พร้อมขู่ฟ้องสื่อนำเสนอข่าวมั่วทำให้เสียหาย
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าวันนี้ (3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สภ.เมืองอุดรธานี ว่า น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ หรือ แม่มณี ทิพย์ประเวช อายุ 30 ปี และนายเมธี หรือบอส ชิณภา อายุ 20 ปี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาในคดี “แชร์ออมเงิน-ออมทองแม่มณีลวงโลก” ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง หลังจากถูกจับกุมได้ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นำตัวขึ้นเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จาก บน.6 มาที่สนามบิน บน.23 เพื่อดำเนินคดีที่อุดรธานี
สำหรับรถหรู 3 คัน ที่ถูกนำไปจอดไว้ในตลาดชลบุรี ถูกยึดนำมาเก็บรักษาไว้ที่ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ประกอบด้วย รถเบนซ์ SLK สีเหลือง ทะเบียน ฐย 4410 กทม.ราคา 2.9 ล้าน , BMW รุ่น Z4 สีดำ ทะเบียน 6กภ 5678 กทม. ราคา 3.2 ล้าน , BMW รุ่น 320D สีขาว ทะเบียน ป้ายแดง ท 9209 กทม. ราคา 3.2 ล้าน และ
รถไฟฟ้าเชอรี่ สีเขียว ราคา 1 แสนบาท ที่ยึดได้ที่ สนง.ในซอยจินตคาม ทน.อุดรธานี
เช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส.วันทนีย์ หรือเดียร์ หรือแม่มณี พร้อมกับนายเมธี ชิณภา สามี ออกจากห้องควบคุมมาพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิม มีกองทัพนักข่าวพยายามสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น อาทิ จะขอโทษผู้เสียหายหรือไม่ โดยแม่มณีบอกว่า ไม่จำเป็นต้องขอโทษใครทั้งนั้น จะขอโทษทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิด
เมื่อนักข่าวถามต่อว่า เจ้าของบ้านที่ไปพักจะถูก สภ.ภูตาหลวง ดำเนินคดีห่วงเขาหรือไม่ น.ส.เดียร์ฯตอบว่า ก็มาด้วยกันเมื่อวานนี้ ไม่เห็นจะมีออะไร นักข่าวถามอีกว่าเอง “มะนาว” จะว่าอย่างไร น.ส.เดียร์ฯไม่ตอบ และแถมโวยสื่อว่า ทำให้เรื่องวุ่นวาย สื่อรู้ดีไปทุกเรื่อง เลิก เขียนข่าวมั่ว ๆ เดี๋ยวออกมาฟ้องรายตัว
ต่อมาเวลา 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายเมธี ออกจากห้องควบคุม เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 3 ของ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้ พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ที่ทีทนายความอาสามาร่วมรับฟังโดยมีกองทัพนักข่าวตามขึ้นไป เพื่อจะสัมภาษณ์ นายเมธี ที่ไม่ตอบคำถามใด ๆ จนถามว่า อยากจะขอโทษผู้เสียหายหรือไม่ ซี่งนายเมธี บอกเพียงว่า จะขอโทษทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิด
ขณะเดียวกันยังคงมีผู้เสียหายจากการร่วมทุนถูกโกงแชร์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.เดียร์ และ นายบอส และยังมีผู้เสียหายที่แจ้งความไว้แล้ว เดินทางมา ให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้อมูลยอดจำนวนเงินที่เสียหายจริง ที่ไม่นับเงินที่เคยได้รับผลประโยชน์มารวบเป็นค่าเสียหาย เพื่อจะได้ยอดเงินที่เสียหายจริง