ผบ.ตร.แถลงกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศ หลังเหตุกราดยิงพารากอน ลงพื้นที่เป้าหมาย 3,224 จุด จับกุมผู้กระทำผิด 1,593 คดี ผู้ต้องหา 1,585 คน ยึดปืนเถื่อน 219 กระบอก ยึดกระสุน 7.5 หมื่นนัด-สั่งทุกหน่วยเฝ้าระวังสื่อออนไลน์ ย้ำต้องใช้ทุกทางสกัดอาชญากรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าวันที่ 12 ต.ค. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ระบุว่า เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เกิดเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอีกหลายราย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความรู้สึกของประชาชน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ ดำเนินการกวาดล้างจับอาวุธปืนผิดกฎหมายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนเถื่อน ปืนแปลง หรือแบลงค์กัน ก่อนจะเรียกประชุมคณะทำงาน เน้นมาตรการเชิงรุก กำหนดให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายและระดมกำลังทั่วประเทศ ร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงวันที่ 9 – 11 ตุลาคม 2566 มีเป้าหมายหลักเป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางออฟไลน์ และออนไลน์ อีกทั้ง เร่งปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภทที่มีการลักลอบซื้อขาย ดัดแปลงแก้ไข อาวุธปืนผิดกฎหมาย
ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกกองบัญชาการร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแสผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องนำมาสู่การขออำนาจศาลออกหมายค้น และเข้าตรวจค้นผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง ซื้อขาย และเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนอาวุธสงครามกว่า 3,224 จุด รวมจับกุมผู้กระทำผิดกว่า 1,593 คน ยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายจำนวนมาก ประกอบด้วย ปืนไม่มีหมายเลขทะเบียน แบลงค์กัน และบีบีกัน 1,789 กระบอก ปืน มีหมายเลขทะเบียนเป็นของบุคคลอื่น (ปืนผิดมือ) 219 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 75,973 นัด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ที่กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน อันเป็นช่องทางในการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย มีผลการดำเนินการ ปิดกั้นเฟซบุ๊ก 79 บัญชี ติ๊กต่อก 14 บัญชี ทวิตเตอร์ 148 บัญชี ยูทูบ 26 ช่อง อินทราแกรม 14 บัญชี รวมจำนวนทั้งสิ้น 291 รายการ
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันว่า ให้ความสำคัญในแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจังมาโดยตลอด ได้มีการบูรณาการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนพร้อมกันทั่วประเทศอยู่เสมอ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าจะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายลดลงอย่างแน่นอน อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งต่อประชาชน นักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักลงทุนจากต่างประเทศ อันจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศ การระดมกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศจนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดอาวุธปืนจำนวนมากในครั้งนี้
“ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก และขอฝากประชาสัมพันธฺประชาชน หากมีเบาะแส/เรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม หรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” ผบ.ตร.กล่าวทิ้งท้าย