‘สุริยะ’ นำทีมรัฐมนตรีคมนาคมเข้ากระทรวงวันแรก ยังอุบแผนงาน-นโยบาย-แบ่งหน่วยดูแล ขอให้รอหลังแถลงนโยบาย ย้ำอีกรถไฟฟ้า 20 บาทขอเวลา 2 ปี เผยนโยบายเร่งด่วน เล็งคุย ‘กลาโหม’ ขอสลอตการบินรับไฮซีซั่น - ดันทางคู่ขอนแก่นไปหนองคาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 7 กันยายน 2566 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงข่าวหลังเข้ากระทรวงครั้งแรก
นายสุริยะเริ่มต้นว่า เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบาย ในวันนี้ (7 ก.ย.66) จึงยังไม่สามารถให้นโยบายใดๆกับหัวหน้าหน่วยงานต่างๆได้ แต่เป็นการพบปะข้าราชการก่อน เพื่อให้ทราบถึงบทบาทและแผนงานของแต่ละหน่วยงาน และได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยทั้งสองท่านถึงภาระหน้าที่แล้ว
@ขอ Slot การบิน-ดันประมูลทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย
สำหรับนโยบายที่จะให้ความสำคัญที่สุดคือ การท่องเที่ยว เพราะใกล้เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นแล้ว และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมและสั่งการมาแล้ว โดยเฉพาะสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งจะต้องบริหารและจัดสรรตารางเวลาการบิน (Slot Allocation) ให้เพียงพอกับความต้องการของการเดินทาง และสายการบินที่จะเข้าประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้ได้รับทราบปัญหาจากบรรดาสายการบินที่มีปัญหา Slot ไม่พอ
และจากการพูดคุยกับนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้รับทราบว่า ทางกองทัพอากาศ (ทอ.) ยังมี Slot การบินเหลืออีกพอสมควรในช่วงเช้า จึงไก้หารือกับนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอแบ่ง Slot การบินดังกล่าวมาใช้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเที่ยวบินได้ 100-150 เที่ยวบิน/วัน
นายสุริยะกล่าวต่อว่า ในระยะต่อไปจะโฟกัสที่ระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีระบบโลจิสติกส์คิดเป็น 15% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) แต่ไปกระจุกตัวในทางบกเป็นหลัก แต่ทางรางและอากาศมีการใช้งานเพียง 2% ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องลงทุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ จะต้องไปเร่งรัดผู้รับเหมาให้เร่งเนื้องานให้ทันเวลา ส่วนโครงการใหม่ที่จะเร่งเสนอคือ โครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น - หนองคาย ระยะทาง 167 กม. มูลค่า 29,748 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ดูแนวเส้นทางในเร็วๆนี้
ด้านนางมนพร ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จะตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน โดยจะทำงานด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และจะให้ความเป็นธรรมกับการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งปัญหาหลายอย่างประชาชนฝากความคาดหวังมาถึง ก็ต้องการให้ข้าราชการทุกหน่วยงาน รวมทั้งสื่อมวลชนและประชาชนร่วมมือกันก้าวข้ามความขัดแย้ง และนำไปสู่การพัฒนาประเทศให้ทันสมัย ทัยโลก และตอบสนองความคาดหวังของประชาชน
ขณะที่นายสุรพงษ์ รัฐมนตรีช่วยอีก 1 ตำแหน่ง กล่าวว่า วันนี้เป็นการมารู้จัก มารู้งานและหน้าที่ ซึ่งกระทรวงคมนาคมเป็นจิ๊กซอว์ที่จะส่งเสริมด้านเศรษฐกิจและท่องเที่ยว โดยทั้ง 3 รัฐมนตรี โดยเฉพาะตนมีความมั่นใจ เนื่องจากนายสุริยะได้มากลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง
ที่มาภาพ: พรรคเพื่อไทย จ.นครพนม เขต 1
@ยืนยันรถไฟฟ้า 20 บ. ขอเวลา 2 ปี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท นายสุริยะตอบว่า พรรคเพื่อไทยเห็นความจำเป็นของนโยบายนี้ แต่มันมีขั้นตอนของการเจรจากับผู้รับสัมปทาน และมีปัญหาในเรื่องรถไฟฟ้าที่อยู่ภายใต้ความดูแลของคนละหน่วยงาน อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย กำกับโดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) อย่างไรก็ตาม ต้องคุยกับผู้ประกอบการอยู่ดีและต้องใช้เวลาพอสมควร แล้วยิ่งจะต้องใช้ตั๋วร่วมแล้ว ปลายทางก็ต้องเจรจา บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ถึงการติดตั้งระบบต่อไป เมื่อค่าโดยสารถูกลง เชื่อว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 10% ทั้งนี้ คาดว่ากระบวนการทั้งหมเจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี จึงจะสำเร็จ
@สายสีส้ม รอเคลียร์คดี
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงมีนบุรี (สุวินทวงศ์) - ตลิ่งชัน ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 1.4 แสนล้าน ที่มี บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก นายสุริยะตอบว่า ตอนนี้รอกระบวนการทางคดีความกับศาลปกครองสูงสุดสิ้นสุด ซึ่งข้อพิพาทระหว่าง บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)
สำหรับคดีความที่พิพาทกันมี 5 คดี ถึงที่สิ้นสุดแล้ว 4 คดีได้แก่ 1.คดีศาลปกครองสูงสุด BTSC ฟ้องการแก้ RFP ไม่ชอบ และละเมิด BTSC (หมายเลขคดีแดงที่ อ.168/2566) 2. คดีศาลปกครองสูงสุด BTSC ฟ้องการยกเลิกการคัดเลือกเอกชน ไม่ชอบ (หมายเลขคดีดำที่ อ.1455/2565) 3.3. คดีศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง BTSC ฟ้องการแก้เอกสารข้อเสนอโครงการ (RFP) และยกเลิกการคัดเลือกฯ โดยทุจริต (หมายเลขแดงที่ อท.133/2565) และ 4.คดีศาลปกครองกลาง นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.พรรคก้าวไกล ฟ้องการคัดเลือกเอกชนฯ ครั้งใหม่ไม่ชอบ
โดยเหลือคดีที่พิพาทกันอีก 1 คดีคือ คดี BTSC ฟ้องการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ไม่ชอบ เพราะ RFP กีดกัน BTSC (หมายเลขดำที่ 1646/2565) ล่าสุดแม้ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง แต่ยังเหลือการพิพากษาในชั้นศาลปกครองสูงสุด
ดังนั้น การพิจารณาผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จะต้องรอดูแนวคำพิพากษาก่อน ส่วนจะเดินหน้าต่อหรือประมูลใหม่ ก็ต้องรอคำพิพากษาของศาลก่อน
ขณะที่แนวคิดการรวบรวมรถไฟฟ้าหลายๆสาย ให้อยู่ภายใต้กระทรวงคมนาคมตามที่เคยเป็นนโยบายหลักของพรรคไทยรักไทย จะสานต่อหรือไม่ นายสุริยะตอบว่า รถไฟฟ้าตอนนี้มีลักษณะให้สัมปทานเอกชนอยู่แล้ว การไปยกเลิกสัมปทานจะถูกฟ้องร้องได้ แม้รถไฟฟ้าบางสาวจะอยู่คนละหน่วยงานกัน แต่่าจะพูดคุยกันได้
@อุบแผน-แบ่งงาน-นโยบาย รอหลังแถลงนโยบายสภา
เมื่อถามถึงกรณีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2567 ล่าช้า จะมีแนวทางอย่างไร นายสุริยะตอบว่า จะใช้สิ่งที่อยู่ทำไปก่อน ได้แค่ไหนแค่นั้น และหลังจากแถลงนโยบายแล้ว จะต้องมีกลไกผฃักดัน โดยจะต้องหารือกระทรวงการคลัง เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆให้ได้
ส่วนการแบ่งหน่วยงานในการกำกับดูแล นายสุริยะตอบว่า ต้องรอการแถลงนโยบายก่อน ขอเวลาอีก 3-4 วัน จึงจะตอบได้
หลังจากนั้น สื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงโปรเจ็กต์ นโยบายและโครงการที่จะผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยนายสุริยะตอบว่า ขอให้รัฐบาลแถลงนโยบายก่อน เมื่อได้นโยบายแล้วจะลงไปเยี่ยมหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูเนื้องานต่างๆต่อไป