ผบ.ตร.สั่ง 4 ตำรวจอุ้มรีดเงินชาวจีนและล่ามออกจากราชการ พร้อมสอบเส้นทางการเงินย้อนหลัง เผยมอบตัวแล้ว 3 อีก 1 หลบหนี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 ที่ สน.ดินแดง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีแก๊งตำรวจอุ้มรีดเงินชาวจีนและล่ามชาวไทย ว่าเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดจึงสั่งชุดสืบสวนให้เร่งติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว การสืบสวนพบว่าวันก่อนเหตุ ขณะผู้เสียหายและเพื่อนชาวจีนกำลังกลับบ้านภายในซอยตระกูลสุข เขตดินแดง กทม. มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน ขับรถจำนวน 3 คัน มาจอดที่หน้าบ้าน แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบเอกสารประจำตัว และเชิญตัวทั้งสองคนขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
โดยระหว่างอยู่ในรถกลุ่มชายดังกล่าวพยายามเจรจาเพื่อให้เพื่อนของผู้เสียหายจ่ายเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยเรียกเงินแปลงเป็นเงินไทยถึง 10 ล้านบาท และให้ผู้เสียหายซื้อเป็นเงินสกุล USDT แล้วโอนให้กับผู้ต้องหา ระหว่างพูดคุยมีการขับรถวนภายในพื้นที่แจ้งวัฒนะก่อนที่เพื่อนผู้เสียหายจะยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวและถูกปล่อยตัวที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานจนดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)และออกหมายจับจำนวน 4 ราย 1. พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (สว.กก.สืบสวนบก.ตม.1) 2. พ.ต.ต.จิรภัทร บุญนำ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 3. ร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รอง สว.สืบสวน บก.ตม.1 และ 4. ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ สืบสวน บก.ตม.1 โดยจะดำเนินคดีความผิดฐาน ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด โดยมีพฤติการณ์ในการอุ้มผู้เสียหายไปข่มขู่เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัวให้พ้นจากการจับกุม ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พึงกระทำ จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนติดตามจับกุมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยเด็ดขาดนอกจากนี้ยังสั่งการให้สืบสวนขยายผลเพิ่มเติมหากพบมีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดอีกก็จะนำตัวมาดำเนินคดีโดยไม่มีละเว้น
เบื้องต้นต้นสังกัดของตำรวจที่ถูกออกหมายจับควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 3 นาย ส่วนอีก 1 นายหลบหนีอยู่แต่เชื่อว่าน่าจะเข้ามามอบตัวในเร็วๆนี้ ทั้งนี้สั่งการให้ สตม.และชุดสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องหาทั้ง 4 นายย้อนกลับไปว่าเคยมีการร้องเรียนหรือพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้งหมดน่าจะไม่ได้ก่อเหตุลักษณะนี้เป็นครั้งแรกและจะมีการขยายผลไปถึงคนไทยอีก 1 คนซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุและจะมีการออกหมายจับในล็อตต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการทางวินัยขณะนี้ทราบว่าผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ดำเนินการออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องดังกล่าวและให้ตำรวจทั้ง 4 นายออกจากราชการไว้ก่อน โดยยืนยันว่าคดีดังกล่าวจะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถึงที่สุดแม้ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม นอกจากนี้ยังให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหายและผู้ต้องหา ว่ามีการส่งต่อเงินไปยังบุคคลใด
“โดยจะตรวจสอบทั้งเงินสกุลปกติและเงินสกุลดิจิทัล เชื่อว่าจะหาพยานหลักฐานมาใช้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกคนได้ แม้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 นายปฏิเสธให้การในชั้นสอบสวน และร้องขอทนายตามสิทธิ แต่ชุดสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจนทั้งทั้งคำให้การของผู้เสียหายทุกคนและเส้นทางการเงินต่างๆ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
ภายหลังศาลพิจารณาออกหมายจับตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (บก.ตม.1) ต้นสังกัดนำตัวผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาที่ สน.ดินแดง 3 คน คือ พ.ต.ต.สรวิศ อินทร์ลับ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร.ต.ท.สุริยะ รุกขชาติ รองสว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ดาบตำรวจ พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ กก.สืบสวน บก.ตม.1 มารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำเพื่อพิจารณาส่งฟ้องฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ส่วนอีก 1 คนยังหลบหนี
ที่มาภาพ: thairath.co.th