ศาลแขวงพระนครเหนือ พิพากษาปรับ 2.6 ล้านบาท 'นอท กองสลากพลัส กับพวกขาย' ปมหวยเกินราคา 510 ครั้ง เจ้าตัวเผยรับสารภาพให้จบ ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2566 ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทลอตเตอรี่ ออนไลน์จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ผู้บริหารฯ เป็นจำเลยที่ 2 และนายจตุภัทร บุญสุวรรณ กรรมผู้มีอำนาจบริษัทฯ เป็นจำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันเสนอขายและจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังไม่ออกรางวัลเกินราคาที่กฎหมายกำหนด และจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.65 ถึงวันที่ 23 มีนาคม 65 พวกจำเลยได้ร่วมกันขายสลากกินแบ่งเกินราคาที่กำหนดโดยไม่ได้รับการยกเว้นใดใดตามกฎหมาย โดยศาลสอบอ่านอธิบายคำฟ้องและสอบคำให้การจำเลยแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติสลากกินแบ่งรัฐบาลพ.ศ. 2517 มาตรา 39, 39/2 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงตามความผิดไป ความผิดฐานร่วมกันขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาและฐานร่วมกันขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน
พิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันร่วมกันขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาเกินราคาเพียงบทเดียว ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 และ 2 กระทงละ 4,000 บาท จำนวน 510 บาท รวมปรับรายละ 2,040,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 ปรับกระทงละ 4,000 บาท รวม 316 กระทง รวมปรับ 1,264,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง รวมปรับจำเลยที่ 1 และ 2 รายละ 1,020,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 รวมปรับ 632,000 บาท
ภายหลัง นอท สลากพลัส เปิดเผยว่า ตนยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากตั้งแต่ในขณะนั้นยอมรับว่าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในรูปแบบเก่าโดยไม่ได้คิดบริการแยกออกจากค่าสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงตัดสินใจรับสารภาพ ซึ่งศาลได้พิพากษาสั่งให้ปรับเป็นจำนวนเงิน กว่า 2ล้าน บาท ซึ่งที่ยอมรับเพื่อให้คดีจบๆ ไป ไม่อยากเสียเวลาทำมาหากิน ส่วนคดีที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลดำเนินคดีกับตนเองที่ศาลแขวงนนทบุรี นั้น เป็นการฟ้องคนละส่วนกัน เนื่องจากระยะเวลาที่สั่งฟ้องได้คิดค่าบริการรูปแบบใหม่ แยกส่วนค่าบริการออกจากค่าสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างชัดเจนจึง ยังต่อสู้คดีนั้นอยู่
ส่วนสำนวนคดีของตำรวจที่สั่งฟ้องตัวเองในครั้งนี้ ถือว่าสำนวนอ่อนมาก เป็นคดีเก่าที่ตำรวจเคยเข้าตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2564 แต่กลับนำมาถูกรวบรวมเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ด้วย โดยการไปไล่เคาะประตูบ้านลูกค้านำมาเป็นพยาน ในส่วนของการจะเปิดแพลตฟอร์มขายลอตเตอรี่ออนไลน์ใหม่หนือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตตอนนี้อยู่ระหว่างต่อสู้หลายคดี
สำหรับในคดีนี้ พนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ได้ รับคำสั่งจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ตรวจสอบการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลของแพลตฟอร์มกองสลากพลัส ว่าเข้าข่ายเป็นการจำหน่ายเกินราคาหรือไม่ ซึ่งต่อมาพบว่ามีพฤติการณ์การขายสลากกินแบ่งเกินราคา 2 งวด คือ งวดวันที่ 16มี.ค. และ 30เม.ย. 2565 โดยทั้ง 2 งวด พบว่ามีผู้ซื้อทั่วประเทศ 4,214 ราย แต่ตำรวจติดตามได้และได้รับความร่วมมือ 384 ราย จากการกระทำความผิดทั้งหมด 510 กรรม จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงดำเนินคดีกับนายพันธ์ธวัช , กรรมการ บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด และนิติบุคคล บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด แต่นายพันธ์ธวัชให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวน ก่อนจะมากลับคำให้การรับสารภาพในชั้นศาล
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ โพสต์ข้อความระบุว่า คดีที่ตัดสินวันนี้ คือคดีที่ตำรวจไปเคาะประตูบ้านลูกค้า 4,200 คดีทั่วประเทศ แต่มีลูกค้าผมให้ปากคำเพียง 300 กว่าคนซึ่งเป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มีนาคม 2564 ซึ่งผ่านมาจะหมดอายุความแล้วในวันที่ 24 มีนาคมนี้แล้ว
ตอนนั้นผมขายสลากแบบมีค่าบริการ แต่เรารวมค่าบริการเข้าไปเลยโดยไม่ได้แจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจน ซึ่งเราเคยโดนจับและปรับมาแล้ว 1 ครั้ง โดยตำรวจปรับกรรมละ 5,000 บาท รวม 250,000 บาท ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร ตำรวจถึงไปรื้อเรื่องนี้มาทำอีก ทั้งๆ ที่ไม่มีเจ้าทุกข์ และการสอบสวนก็ไม่รัดกุมเรียบร้อย
คดีนี้ถ้าผมจะสู้คงสู้ได้ แต่หลังจากที่คิดดูแล้ว คดีนี้ไม่ได้มีผลต่อคดีอื่นๆ ที่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่ากองสลากพลัสไม่ได้ทำผิด ผมจึงตัดสินใจรับสารภาพเพื่อให้จบเรื่องนี้ไป จะได้มีเวลาไปทำคดีอื่นๆ ที่จำเป็น โดยศาลสั่งปรับผมเป็นจำนวนเงิน 2,672,000 บาท คดีนี้ใช้เวลาทำเพียง 1 เดือนกับ 10 วัน