อธิบดี ดีเอสไอ ส่ง ผอ.กองคดีการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ –พนักงานสอบสวน สอบข้อเท็จจริงปมชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ปิดกิจการ อ้างขาดทุนหมุนเวียน ผลกระทบกว่า 50,000 ราย มีเบื้องหลังหรือไม่
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ทำการหน่วยป้องกันรักษาป่าปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผู้อำนวยการกองคดีความผิดการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พร้อมด้วย พ.ต.ท.บรรจบ อยู่ยืนยง รองผู้อำนวยการกองฯและคณะพนักงานสอบสวน ได้รับเอกสารที่เกี่ยวข้องและ ได้ช่วยกันสอบปากคำผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ของจังหวัดกระบี่ ที่ต้องปิดกิจการเนื่องจากไม่มีเงินทุนหนุมเวียนในการบริหารจัดการ ซื้อผลปาล์มและค่าใช้จ่ายพนักงานพร้อมทั้งการเดินเครื่องผลิต ซึ่งคณะสมาชิกที่ประกอบด้วย 13 สหกรณ์ มีสมาชิกจำนวน กว่า 20,000 ราย และ 34 เครื่อข่ายสหกรณ์ ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 30,000 ราย รวมแล้วน่าจะมีสมาชิกมากกว่า 50,000 ราย ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้เสียหายและผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
นายสมชาย เทพจิตร ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เคยยื่นหนังสือต่อกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน โดยนายวีระกร คำประกอบ และ หลังจากนั้นทราบว่า นายวีระกร พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ทราบต่อไปอีกว่า รัฐมนตรียุติธรรมได้ มอบภาระกิจให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนสอบสวนหาความจริง ในวันนี้ (1 พ.ย.นี้) ได้รับการประสานให้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องมาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและให้ปากคำซึ่งทางชุมนุมสหกรณ์ได้นัดหมายผู้มีส่วนได้เสีย 6 กลุ่มมาให้ปากคำ ประมาณ 50 ปาก และสมาชิกที่มีส่วนได้เสียมากกว่า 50,000 รายก็พร้อมที่จะปฎิบัติตามการแนะนำของทุกฝ่ายเพื่อต้องการที่จะขับเคลื่อนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์ให้สามารถยังชีพได้
“ผมและคณะต้องการเรียกร้องให้รัฐบาล รัฐมนตรีต่างๆที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ปัญหาให้กิจการสกัดน้ำมันปาล์มของชุมนุมสหกรณ์สามารถที่จะเดินต่อไปได้เพื่อรองรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรมสวนปาล์มน้ำมัน”
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้หน่วยงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษลงมาสืบสวน 2 หน่วยคือ กองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค และ กองฮั้วประมูลมาช่วยเหลือกัน สืบสวนว่าชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจาก 13 สหกรณ์ สมาชิก 20,000 กว่าราย และ 34สหกรณ์เครือข่าย สมาชิกกว่า 30,000 ราย ได้รับผลกระทบเนื่องจากอะไร เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาที่เป็นคดีพิเศษ หรือไม่ คดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มี 2 กรณีที่เกี่ยวข้อง คือ การกระทำความผิดที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.แชร์ลูกโซ่หรือไม่ หรือเป็นการฟอกเงินหรือไม่ เพื่อจะได้นำเสนออธิบดีกรมสอบสวนดคีพิเศษ ว่า เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งจะได้นำเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป
“อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เนื่องจากว่ากระทบกับวิถีชีวิตชาวบ้านจำนวนมาก การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต้องรวดเร็ว ต้องให้ชัดเจนว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่ภายในดือนนี้ต้องทราบว่าสามารถที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่”