สธ.เผยหญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนยังไม่ถึง 10% ตั้งแต่ เม.ย.64 ติดเชื้อวันละ 50-60 ราย จึงเชิญชวนหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปฉีดวัคซีนโควิด ลดอาการรุนแรง-เสียชีวิต ชี้หากติดเชื้อเสี่ยงอาการหนัก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 2-3 เท่าของหญิงไม่ตั้งครรภ์ ส่วนแม่ติดเชื้อสามารถให้นมลูกได้ เว้นแต่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์
............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2564 นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ และโฆษกกรมอนามัย แถลงข่าวการฉีดวัคซีนโควิดในหญิงตั้งครรภ์ ว่า ขณะนี้หญิงตั้งครรภ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดรวมเข็ม 1 และเข็ม 2 เพียง 14,590 ราย ซึ่งไม่ถึง10 % ของหญิงตั้งครรภ์ที่มีประมาณ 5 แสนคน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงได้เร่งรณรงค์ให้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดที่คลินิกฝากครรภ์ในโรงพยาบาลใกล้บ้าน
เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ที่ติดโควิด มีความเสี่ยงอาการหนัก ต้องเข้าไอซียู ใช้เครื่องช่วยหายใจ 2-3 เท่าของหญิงไม่ตั้งครรภ์ และเสียชีวิต 1.5 – 8 คนในทุก 1,000 คน โดยเฉพาะหากมีอายุ 35 ปีขึ้นไป อ้วน มีโรคประจำตัว และมีภาวะครรภ์เป็นพิษ นอกจากนี้ยังมีผลต่อทารกในครรภ์ ทำให้คลอดก่อนกำหนด หรือเด็กตายก่อนคลอด เข้าไอซียู 1.5 - 5 เท่า ติดเชื้อโควิดจากแม่ 3-5 %
โดยราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย มีข้อมูลวิชาการรองรับว่าสามารถฉีดแบบซิโนแวคสลับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าได้ หรือฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม หรือชนิด mRNA 2 เข็ม โดยอาจเกิดอาการข้างเคียงเล็กน้อยเช่นเดียวกับคนทั่วไป และควรฉีดห่างจากวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
นพ.เอกชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ขอให้มั่นใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัย สามารถฉีดวัคซีนได้ โดยไม่ต้องเว้นระยะการมีบุตร ไม่ต้องตรวจการตั้งครรภ์ก่อนฉีด และไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนทำให้มีบุตรยาก หากฉีดวัคซีนไปแล้วพบว่าตั้งครรภ์ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่าทำให้ทารกพิการแต่กำเนิด ไม่ต้องยุติการตั้งครรภ์ หากตั้งครรภ์หลังฉีดวัคซีนเข็ม 1 ให้เลื่อนไปฉีดเข็ม 2 หลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และขอให้หญิงตั้งครรภ์ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ประเมินความเสี่ยงด้วยแอปพลิเคชันไทยเซฟไทย ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ 2 เข็ม ตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป หรือมีภาวะครรภ์เสี่ยงสูง ควรเน้นการทำงานที่บ้าน
กรณีหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง หรือมีอาการระบบทางเดินหายใจ ควรตรวจหาเชื้อด้วย ATK หรือไปตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หากติดเชื้อและไม่มีอาการให้แยกรักษาที่บ้านได้ หากเหนื่อยหอบ มีไข้สูงให้ไปโรงพยาบาลทันที กรณีแม่ติดเชื้อหลังคลอด หากลูกไม่ติดเชื้อ สามารถกอดและอุ้มลูก ให้ลูกดูดนมแม่ได้ โดยสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือก่อนและหลังอุ้มลูก แต่งดหอมแก้ม หรืออาจใช้วิธีปั๊มนมให้คนเลี้ยงป้อนแทน จะงดให้นมแม่เฉพาะกรณีที่แม่กินยาฟาวิพิราเวียร์เท่านั้น เนื่องจากยาจะออกมาทางน้ำนมได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 1 เม.ย. – 18 ส.ค.2564 มีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ 2,327 ราย เฉลี่ย 50-60 รายต่อวัน เสียชีวิต 53 ราย ทารกติดเชื้อรวมสะสม 119 ราย เสียชีวิต 23 ราย จังหวัดที่พบการติดเชื้อสูงสุดคือ กทม. รองลงมา คือสมุทรสาคร ปทุมธานี ยะลา และสงขลา ตามลำดับ สำหรับหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 35 ปี เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ธาลัสซีเมีย และส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยมีผู้เสียชีวิตเพียง 2 ราย ที่มีประวัติฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว ที่ทำงาน และการไปสถานที่แออัด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/