ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 173 ราย รักษาหายอีก 701 ราย เสียชีวิต 4 ราย กรมราชทัณฑ์เผยไม่พบการระบาดเพิ่ม และเตรียม EXIT เรือนจำอีก 5 แห่งในเดือน ส.ค.นี้ พร้อมกำชับทุกฝ่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมแผนอย่างเป็นระบบ
--------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและ ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง 35 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 107 แห่งคงเดิม
ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 173 ราย มาจากในเรือนจำสีแดง 138 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 35 ราย รักษาหายเพิ่ม 701 ราย เสียชีวิต 4 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,754 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียว 85% สีเหลือง 14.6% และสีแดง 0.4% เป็นพื้นที่ กทม. 338 ราย ปริมณฑล 1,894 ราย และต่างจังหวัด 4,522 ราย ซึ่งมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 44,402 ราย หรือ 85.6% ของผู้ติดเชื้อสะสม 51,853 ราย เสียชีวิตสะสม 79 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
สำหรับผู้เสียชีวิต 4 ราย เป็นผู้ต้องขังจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 2 ราย เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ดและเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ แห่งละ 1 ราย ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว และสูงอายุ แม้ว่าได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และมีการส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิดเป็นที่เรียบร้อย
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ.ยังคงเน้นย้ำใน 2 ประเด็นที่สำคัญ คือ 1. การติดตามและคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งการระบาดภายนอกและภายใน เพื่อให้มีการเตรียมตัวรับมือและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และ 2. การจัดทำแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้เรือนจำและทัณฑสถานกลับมาดำเนินการได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว โดยหากสามารถตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์แรกหลังพบการระบาด โดยเฉพาะจากเครื่องเอกซเรย์พระราชทานที่ได้กระจายการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพในขณะนี้ตลอดจนการจ่ายยา รวมทั้งรักษาอย่างทันท่วงที ควบคู่กับการทำแผน EXIT อย่างเป็นระบบและรัดกุม เรือนจำจะสามารถสิ้นสุดการระบาดและกลับมาดำเนินการได้ตามปกติภายในระยะเวลาประมาณ 2 เดือนครึ่งนับจากวันแรกที่มีการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีเรือนจำสีแดงที่สามารถเข้าสู่แผน EXIT แล้ว จำนวน 20 แห่ง โดยแบ่งเป็นระยะกำลังวางแผน 3 แห่ง และรอระยะเวลาเพื่อ EXIT 17 แห่ง คาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้ จะมีเรือนจำสีแดงที่ทยอยสิ้นสุดการระบาดเพิ่มได้ประมาณ 5 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เรือนจำจังหวัดสงขลา ทัณฑสถานหญิงกลาง ทัณฑสถานหญิงสงขลา และเรือนจำกลางสมุทรปราการ ตามลำดับ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพุธที่ 11 สิงหาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อรวม 52 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 15 ราย และเด็ก/เยาวชน 37 ราย ขณะที่ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 46 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 10 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง หมดสถานะสีขาว 1 แห่ง และติดเชื้อ 6 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น 132 ราย หรือคิดเป็น 3.14% จากทั้งหมด 4,197 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 86.73% จากทั้งหมด 4,374 ราย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage