องค์การเภสัชกรรม ร่วมมือบริษัทผู้ผลิตยาในประเทศ เพิ่มกำลังการผลิตยารักษาโรคเรื้อรัง 7 รายการ ช่วงสถานการณ์โควิดระบาด หลังต้องปรับแผนการผลิต 'ยายาฟาเวียร์' เพิ่มขึ้น
......................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2564 น.พ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า จากการที่องค์การเภสัชกรรมได้ทำการปรับแผนการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ (ยาฟาเวียร์) ให้เพิ่มขึ้น ประกอบกับในช่วงนี้พบว่าความต้องการใช้ยารักษากลุ่มโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติที่ได้วางแผนไว้ ทำให้มีผลกระทบต่อสายการกำลังการผลิตยารักษาโรคเรื้อรัง ที่องค์การเภสัชกรรมผลิตอยู่
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2564 จึงได้จัดประชุมวางแผนการผลิตยาของประเทศในสถานการณ์ระบาดโควิด โดยมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (กองยา) องค์การเภสัชกรรม โรงงานเภสัชกรรมทหาร สภากาชาดไทย และสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน (TPMA) ร่วมประชุมด้วย เพื่อวางแผนและจัดสรรกำลังการผลิตยาในภาพรวมให้เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ
โดยในส่วนขององค์การเภสัชกรรม เห็นว่าเพื่อให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังมียาใช้เพียงพอ อย่างต่อเนื่อง จึงได้ขอความร่วมมือจากสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผน ซึ่งดูแลบริษัทผู้ผลิตยาเอกชนในประเทศ ร่วมดำเนินการผลิตยารักษาโรคเรื้อรังจำนวน 7 รายการ ประกอบด้วย 1.ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin) ใช้ลดระดับคลอเรสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด 2.ยาเมทฟอร์มิน (Metformin) ยาใช้รักษาโรคเบาหวาน 3.ยาลอซาร์แทน (Losartan) ใช้ลดความดันโลหิตที่ออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว
4.ยาโพรพาโนลอล (Propanolol)ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง 5.วิตามินB1 6 12 6.ยากรดโฟลิก (Folic acid) รักษาภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดง และภาวะขาดกรดโฟลิก และ 7.ยาฟลูออกซิทีน รักษาโรคซึมเศร้า (Fluoxetine) และยาลอราตาดีน (Loratadine) รักษาภูมิแพ้ ซึ่งปัจจุบันองค์การฯไม่ได้ผลิตแล้ว
ทั้งนี้ ยา 7 รายการในข้างต้น องค์การเภสัชกรรมยังคงมีการผลิตและสำรองให้ผู้ป่วยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ และองค์การเภสัชกรรมได้ขอความร่วมมือให้ บริษัทผู้ผลิตยาเอกชนอื่น ๆซึ่งมีทะเบียนตำรับยาดังกล่าวอยู่ ดำเนินการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประชุม สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบันยินดีที่จะนำไปวางแผนร่วมกับบริษัทผลิตยาเอกชนอื่น ๆ เพื่อเร่งทำการผลิตต่อไป
นอกจากนั้นยังพบว่าขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตยาในประเทศบางบริษัทได้เริ่มทำการวิจัยพัฒนายาฟาวิพิราเวียร์ ขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งสิ่งที่เป็นน่ายินดีที่จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในส่วนยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มมากขึ้น
“แผนการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ (ยาฟาเวียร์) ขององค์การเภสัชกรรม ในเดือนส.ค. จำนวน2.5 ล้านเม็ด เดือน ก.ย. ผลิตเพิ่มเป็น 23 ล้านเม็ด และตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป จะผลิตเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 40 ล้านต่อเดือน ซึ่งจะมีการบริหารจัดการและการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งจากการนำเข้าจากต่างประเทศและผลิตเอง ให้เพียงพอสอดคล้องกับสถานการณ์ของการระบาดของโรคโควิดของประเทศ”
ดร.ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวด้วยว่า องค์การเภสัชกรรมไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด และได้มีการวางแผนการผลิตยาในส่วนของยาอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง และยังคงยืนหยัดที่จะทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ ให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันแสดงศักยภาพโดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage