ขออภัยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น! 'บิ๊กตู่'ไม่สบายใจเลื่อนฉีดวัคซีน สั่งเร่งแก้-ทำความเข้าใจ

นายกรัฐมนตรี ขอโทษ-ไม่สบายใจข่าวเลื่อนฉีดวัคซีน ย้ำวัคซีนทยอยเข้ามา ไม่ใช่ล็อตเดียวจบ หากหมด ต้องหยุดฉีด พร้อมแจงสูตรจัดสรร 4 ข้อให้ทุกหน่วยงานเข้าใจตรงกัน

---------------------------------------------

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับวาระแห่งชาติเรื่องการฉีดวัคซีน จนถึงวันนี้เรากระจายวัคซีนไปแล้ว 7 ล้านโดส ฉีดไปแล้วมากกว่า 6.5 ล่านโดส เฉพาะตั้งแต่ 7 มิ.ย.ที่ประกาศปูพรมฉีดทั่วประเทศ เราฉีดวัคซีนได้มากกว่า 2 ล้านโดสภายใน 1 สัปดาห์ นั่นคือขีดความสามารถในการฉีดของเรา ถือเป็นความร่วมแรงร่วมใจของเจ้าหน้าที่ ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้การระดมฉีดวัคซีนดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง คือ การจัดสรรวัคซีนไปจุดบริการทั่วประเทศอย่างทั่วถึงและพอเพียง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้สิ่งที่ได้รับฟังจากข่าวหรือการประกาศเลื่อนฉีดจากโรงพยาบาลต่างๆ อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ และทำให้เข้าใจว่าภาครัฐไม่ได้จัดสรรวัคซีนให้อย่างเพียงพอหรือไม่ได้มีการประสานงานกันอย่างดีพอ ข่าวต่างๆเหล่านี้ ตนได้รับทราบมาโดยตลอดและพยายามแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

“ผมยืนยันอย่างจริงใจว่าปัญหาเหล่านี้ ผมเองก็ไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน เราจะพยายามหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น มีการสั่งการให้ผู้รับผิดชอบเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดและสบายใจขึ้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ปริมาณวัคซีนที่ทยอยเข้ามา ประกอบกับขีดความสามารถในการฉีด หากฉีดเต็มขีดความสามารถจนวัคซีนหมดก็ต้องหยุดฉีด นั่นคือข้อเท็จจริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเรียนชี้แจงภาพรวมในการฉีดวัคซีน แต่ละหน่วยงานมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ คงไม่ใช่ตนยึดอำนาจไว้คนเดียว อันดับแรก คือ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เป็นองค์กรสูงสุด มีหลายหน่วยงานอยู่ในนี้อยู่แล้ว ในการจัดการสถานการณ์โควิดและฉีดวัคซีน ศบค.เป็นผู้รับผิดชอบกำหนดนโยบาย จัดสรรวัคซีนแต่ละจังหวัด มีหลักการสำคัญคือทุกจังหวัดต้องได้รับวัคซีนตามสัดส่วนจำนวนประชากร และเพิ่มเติมให้กับสถานการณ์ระบาด กลุ่มบุคคลที่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การศึกษา ฯลฯ อันดับสองคือกระทรวงสาธารณสุข รับมอบนโยบายจาก ศบค. เป็นผู้รับผิดชอบกำหนดว่าวัคซีนที่ได้รับแต่ละรอบจะจัดส่งจำนวนเท่าไรตามหลักการในการจัดสรร โดยกระทรวงจะรีบจัดส่งโดยทันทีไม่รอช้า อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งในการตรวจสอบที่นำเข้ามาเพื่อให้เกิดความปลอดภัย อันดับสาม คือความรับผิดชอบแต่ละจังหวัด ที่เป็นผู้กำหนดว่าแต่ละพื้นที่ แต่ละโรงพยาบาล จะได้รับวัคซีนจำนวนเท่าไร และจัดการจัดส่งให้โดยเร็วที่สุด โดยต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่มี จนกว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนในรอบต่อไป เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ราบรื่นที่สุด เนื่องจากวัคซีนเราได้รับทยอยมาเป็นรอบ ไม่ใช่ได้มาครั้งเดียว 6-10 ล้านโดสตั้งแต่ต้นเดือน

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ตนขอเรียนชี้แจงต่อประชาชนและสื่อมวลชนว่า สูตรในการจัดสรรวัคซีนที่ตนกำหนดและสั่งการไปมีดังนี้

1.เมื่อมีวัคซีนมา กระทรวงสาธารณสุขจะตรวจสอบและส่งให้ทุกจังหวัดทันที ไม่มีจังหวัดใดที่จะไม่ได้เพิ่มเติมในแต่ละรอบ ในอนาคตอาจยกเว้นจังหวัดที่ได้รับครบตามเป้าหมายหรือจังหวัดที่ ศบค.พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่

2.จำนวนวัคซีนที่นำส่งแต่ละจังหวัด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนประชากร จำนวนผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้จองในระบบหมอพร้อม และระบบจังหวัด กลุ่มเฉพาะ อาชีพเสี่ยง พื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งเป็นต้นทุนของเราในเรื่องของการส่งออก

3.หากจำนวนวัคซีนคำนวณแล้วไม่เพียงพอต่อการฉีดในรอบนั้น ให้แต่ละจังหวัดพิจารณาจัดสรรให้กับผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังที่ลงทะเบียนไว้ก่อนแล้ว

4.หากจำเป็นต้องชะลอการฉีดตามกำหนด ระหว่างรอการนำส่งวัคซีน ต้องยึดกำหนดลำดับตามเดิมไว้ก่อน ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ และจัดการฉีดวัคซีนตามลำดับเดิมทันทีที่ได้รับการจัดสรรวัคซีน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าทุกฝ่ายมีความพยายาม มีความตั้งใจ มีการดำเนินการทุ่มเทเพื่อให้บริการกับประชาชนอย่างดีที่สุด ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก นั่นคือการส่งวัคซีนที่ใช้เวลา ทั้งการผลิต การตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งเราไม่อาจกำหนดได้ทุกครั้งว่าจะได้รับวันใด เวลาใด เพราะเราจะได้รับเป็นรอบ หลายประเทศทั่วโลกก็เจอปัญหานี้ ไทยยังมีข้อได้เปรียบที่มีบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าตั้งอยู่ในไทย ทำให้การขนส่งเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นเรื่องที่บริษัทจะต้องพิจารณาจัดส่งด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า อีกปัจจัยที่อาจทำให้ต้องมีการปรับแผนการฉีดตามสถานการณ์ระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงและคนทั่วไปได้ฉีดก่อน โดยเฉพาะ กทม.ที่มีการฉีดในพื้นที่แพร่ระบาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจเพื่อลดการปิดโรงงาน จำเป็นต้องให้ภาคการผลิตดำเนินการต่อไปได้ ทำให้อาจกระทบกับผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้บางส่วน นอกจากนั้นต้องยอมรับว่าภารกิจครั้งนี้มีหน่วยงานเกี่ยวข้องจำนวนมาก มีผลกระทบต่อคนไทย 70 ล้านคน อาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในการประสานงานกันระหว่างหน่วยงาน อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้แก้ไขปรับปรุงแล้ว

“ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้อำนวยการ ศบค. ถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในสงครามโควิด ต้องขออภัยด้วยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และขอรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ซึ่งผมดำเนินการมาต่อเนื่องทุกวัน ทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะนี่คือวาระแห่งชาติตามที่ประกาศออกไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องวัคซีนโควิดตนได้ติดตามตลอดมา ขอย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส ไม่มีทุจริตโดยเด็ดขาด และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยศักยภาพและความทุ่มเทของผู้เกี่ยวข้องในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด และการระดมฉีดวัคซีน เราต้องชนะสงครามโควิดไปด้วยกันอย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ตอขอเน้นย้ำว่า ตนและคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ยังมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ที่ประเทศของเราและทั่วโลกยังไม่พ้นจากวิกฤติโควิด ที่ผ่านมาเราจัดการปัญหาได้เป็นอย่างดี วางแผน เตรียมพร้อม ทั้งด้านเศรษฐกิจปากท้อง เพื่อให้พ้นจากความยากจน ทุกอย่างต้องทำประกอบกันไปด้วย เราสาละวนกับโควิดอย่างเดียวก็คงไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเรื่องสุขภาพประชาชน นอกจากนั้นต้องเตรียมการให้ประเทศเดินหน้าต่อในช่วง new normal เป็นสิ่งที่ต้องทำคู่ขนานไป เราหยุดด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ แต่ต้องบริหารด้วยความสมดุลกับสถานการณ์ปัจจุบัน และถือว่าเราทำได้ดี และเป็นสิ่งที่อยากให้ทุกคนได้เข้าใจ

“ผมยืนยันเรื่องการทุจริตต่างๆ ได้ให้มีการตรวจสอบทุกเรื่อง หากมีเรื่องใดเสนอเข้ามาถึงสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อจะต้องดำเนินการสอบสวน หลายเรื่องเกิดก่อนหน้ารัฐบาลผม แต่ได้รับการตรวจสอบในสมัยรัฐบาลผม ผมละเว้นใครไม่ได้อยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่ยืนยันเจตนารมณ์ในสิ่งที่เราประกกาศไปแล้วว่าจะเป็นวาระแห่งชาติในการตรวจสอบแก้ไขปัญหาทางทุจริตและปัญหายาเสพติด เรื่องยาเสพติดได้ให้แนวนโยบายใหม่ว่า เป็นไปได้หรือไม่ลองไปปรึกษาหารือว่า เราจะเข้าสำรวจทุกตำบล หมู่บ้าน ชุมชน คนที่ติดยาเสพติดต้องได้รับการขึ้นทะเบียน เพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษา ลดภาระพ่อแม่พี่น้อง ลองดูว่าทำได้แค่ไหนอย่างไร ได้สั่งการไปแล้ว ส่วนการขาย จำหน่าย นายทุนอะไรต่างๆ ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดตามกฎหมายทุกประการ รวมถึงการยึดทรัพย์ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่  https://www.facebook.com/isranewsfanpage