อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนฯกลาง ออกมาตรการป้องโควิด-19 ระบาดในสถานพินิจ-ศูนย์ฝึกอบรมทั่วประเทศ ให้เน้นพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวเป็นหลัก-พิจารณาคดีด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์-ใช้วิธีการอื่นแทนการส่งไปสถานพินิจ
..................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางทำหนังสือถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนฯทั่วประเทศ และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว เกี่ยวกับมาตรการลดการควบคุม คุมขัง และการเคลื่อนย้ายเด็กหรือเยาวชน ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
โดยตามที่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ขยายขอบเขตไปหลายพื้นที่ ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย เพื่อป้องกันการมีผู้ป่วยติดเชื้อในสถานพินิจและศูนย์ฝึกและอบรมในจังหวัดต่าง ๆ ศาลเยาวชนฯ รวมบรรดากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับมาตรการที่สามารถนำมาใช้ลดการคุมขังหรือควบคุมตัวของเด็กและเยาวชน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เด็กและเยาวชนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
หนังสือดังกล่าว ระบุสาระสำคัญถึงแนวทางสำหรับการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลเยาวชนฯ ให้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวเป็นหลัก
ส่วนกรณีตรวจสอบการจับและควบคุมตัว ให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามประกาศศาลเยาวชนฯกลาง และศาลเยาวชนฯสามีนบุรี เรื่องแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอให้ศาลควบคุมตัวตามมาตรา 71 แห่ง พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 และคำร้องขอให้ศาลตรวจสอบการจับกุมเด็กหรือเยาวชนซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดตามมาตรา 71 แห่ง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว และการขอปล่อยตัวชั่วคราวในลักษณะประชุมทางจอภาพหรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะเดียวกัน กรณีพิจารณาพิพากษาคดี ให้ใช้วิธีทางอิเล็กทรอนิกส์แทนการเดินทางมาศาล โดยเทียบเคียงข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการสืบพยานคดีอาญาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. 2556 ประกอบระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำหรือสถานที่กักขังในระหว่างมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 พ.ศ. 2563
นอกจากนี้การรับรายงานตัวตามมาตรา 132 วรรคหนึ่ง และมาตรา 138 (5) สามารถรับรายงานตัวโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ และในการพิพากษาคดี หากเห็นว่ามีวิธีการอื่นที่สามารถใช้บำบัด ฟื้นฟู และเป็นประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนที่เหมาะสมกว่า ให้พิจารณาใช้วิธีการอื่นแทนการส่งไปสถานพินิจ หรือศูนย์ฝึกและอบรม
ทั้งนี้ขอความร่วมมือศาลเยาวชนฯทั่วประเทศ ในการงดเยี่ยมสถานพินิจและศูนย์ฝึกในบริเวณที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้มีการสอบถามและให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นและเหมาะสม ในส่วนที่มีการระบาดของโควิด-19 ขอให้ปฏิบัติตามข้างต้นโดยเคร่งครัด และหากต้องส่งเด็กและเยาวชนไปฝึกอบรม ขอให้พิจารณาส่งไป ณ ศูนย์ฝึก จ.สุราษฎร์ธานีแทน โดยประสานกับศูนย์ฝึกดังกล่าวไว้แล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/