ตำรวจยื่นคำร้องขอฝากขัง 'กิตติศักดิ์' รองประธานฯ ผู้ต้องหาคนที่ 6 คดี 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' พร้อมยื่นคัดค้านประกันตัว ขณะที่ผู้เสียหายกว่า 50 คน เข้าร้องทุกข์ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขอให้เร่งติดตามยึดอายัดทรัพย์ 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' เพื่อนำมาแจกจ่ายคืนให้กับผู้เสียหาย
-----------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2564 ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองปราบ สนธิกำลังร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เปิดปฏิบัติการ บุกทลายเครือข่ายเปิดบริษัทหลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ โดยอ้างเรื่องผลตอบแทนสูง จนมีมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท
โดยสามารถจับกุมดำเนินคดี ผู้เกี่ยวข้อง 6 คน ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน หัวหน้าขบวนการ , นายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ อายุ 55 ปี รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ , พ.ท.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข อายุ 34 ปี ประธานโครงการเที่ยวเพื่อชาติ , น.ส.ณัฐวรรณ อุตตมะปรากรม อายุ 33 ปี , น.ส.สิริมา เนาวรัตน์ อายุ 37 ปี และนายกิตติวัฒน์ อ่วมอารีย์ อายุ 40 ปี ตามที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า วันนี้หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบปากคำ นายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่ถูกจับกุม พนักงานสอบสวนจะเร่งทำเรื่องประสานไปยังศาลอาญา เพื่อยื่นคำร้องฝากขัง โดยนายกิตติศักดิ์ปัจจุบันถูกคุมตัวอยู่ห้องควบคุมผู้ต้องหากองปราบ ทั้งนี้จะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาล ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนท์ โดยไม่ต้องนำตัวออกไปที่ศาล
ส่วนความคืบหน้าภาพรวมของสำนวนคดี แม้จะติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 6 คนแล้ว แต่ยังต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ต่อไป เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่า นอกจากผู้ต้องหากลุ่มนี้แล้วยังมีผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยหรือไม่ เช่นเดียวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าวที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่อื่นหรือไม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากคดีมีความซับซ้อนและรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบอีกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเอกสารหลักฐานที่ตรวจยึดได้กว่า 4 คันรถ ซึ่งตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ได้ตั้งคณะทำงานรว่มกัน และแบ่งหน้าที่สืบสวนสอบสวนเรียบร้อยแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ. กล่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังเร่งทำเรื่องยื่นคำร้องขอฝากขัง นายกิตติศักดิ์ ต่อศาลอาญาให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ พร้อมกับยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว เพราะคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งจากการสอบปากคำ เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ ยอมรับเพียงว่าเป็นกรรมการบริษัทเหนือโลก ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกระเป๋าแบรนด์เนม อันเป็น 1 ใน 5 รูปแบบการหลอกลวงของขบวนการในระยะเวลาที่เกิดเหตุจริง แต่ในส่วนอื่นๆ ขอไม่ให้การแต่อย่างใด หลังจากนี้จะมีการทำเรื่องประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลของบริษัทว่ามีรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินกิจการอย่างไรบ้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่านายกิตติศักดิ์ ถือเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญของขบวนการดังกล่าวในลำดับที่สอง รองจากนายประสิทธิ์ พนักงานของบริษัทในเครือจึงมักเรียกว่า ท่านรอง เพราะมีอำนาจในการตัดสินใจลงนามเซ็นต์รับรองเอกสารการเงินต่างๆของบริษัทในเครือได้ด้วยตนเอง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อหาความเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่นๆ นั้น ทางชุดคลี่คลายคดีได้นำเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลางบางส่วนที่สามารถตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ ส่งให้ ปอท. เร่งดำเนินการตรวจสอบเพื่อสืบหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงเตรียมประสานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเอกสารหนังสือต่างๆ ที่ตรวจยึดได้กว่า 4 คันรถอีกด้วย
@รวมตัวร้อง บช.ก.ขอเร่งยึดทรัพย์ 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก'
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมผู้เสียหายกรณีนายประสิทธิ เจียวก๊ก กว่า 50 ราย เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอให้ติดตามเร่งรัดคดีและออกคำสั่งไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อยึดอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในขบวนการที่มีมูลค่าความเสียหายจากธุรกิจที่มีค่าความเสียหายกว่า 209,132,027.31 บาท
นายรณรงค์ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายต้องการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางออกคำสั่งถึงกองบังคับการปราบปรามติดตามเส้นทางการเงินที่อาจถูกโยกย้ายออกไป และขอให้รวบรวมทรัพย์สินมาที่ส่วนกลางทั้งหมด เพื่อทำเรื่องอายัดและแจกจ่ายคืนให้กับผู้เสียหาย โดยที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามเปิดเผยว่า ไม่กล้าอายัดทรัพย์สินจากคดีดังกล่าว ทางทนายจึงต้องมีการประสานมายังหน่วยงานนี้เพื่อขอให้มีการออกคำสั่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดแชร์ลูกโซ่ ทั้งนี้หากมีผู้เสียหายจากคดีดังกล่าวขอให้ออกมาแจ้งความกับตำรวจเพื่อทวงทรัพย์สินคืน อย่างไรก็ตามจากพฤติการณ์การประกอบธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว ในปีที่ผ่านมา 2563 เชื่อว่าไม่มีธุรกิจใดสามารถดำเนินธุรกิจได้และได้ผลกำไร จึงไม่มีการนำเงินมาปันผลให้กับผู้มาลงทุนอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังเชื่อว่าคดีนี้อาจจะมีการเกี่ยวข้องกับในหลายส่วนทั้งกองปราบปราม กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และรวมไปถึง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)
พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า เรื่องนี้ได้มีผู้เสียหายร้องเรียนมาที่ตำรวจตั้งแต่เดือน เม.ย. ซึ่งได้มีการดำเนินการตรวจสอบมาโดยตลอดและพบผู้เสียหายเพิ่มขึ้น จึงได้คณะตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาเพื่อมาช่วยสอบสวน โดยผู้เสียหายที่อยู่ในต่างจังหวัดอยู่ระหว่างประสานพื้นที่ให้ช่วยสอบสวนเพื่อไม่ต้องเดินทางมาที่ส่วนกลางป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนของการยึดอายัดทรัพย์ได้ประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบทรัพย์สินตามคำกล่าวอ้างของนายประสิทธิ์ที่อ้างว่ามีอยู่หลายพันล้านบาท
ส่วนการแจ้งข้อหาอื่นกับนายประสิทธิ์ หากมีหลักฐานอื่นที่เชื่อมโยงก็จะดำเนินการเพิ่มทันที ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนข้อมูลซึ่งทราบว่าอาจมีผู้ต้องหาเพิ่มอีกประมาณ 5-6 คน ตำรวจก็เร่งดำเนินการอยู่แล้ว
อ่านประกอบ :
พฤติการณ์ร้ายแรง! ศาลไม่ให้ประกัน'ประสิทธิ์'คุมตัวส่งเรือนจำ-เจ้าตัวยืนกรานไม่ผิด
สอบครึ่งวันยังปฏิเสธ! ฝากขัง‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’คดีฉ้อโกงพันล. 18 พ.ค.-ค้านประกัน
จนมุม! 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงพันล. ขอมอบตัวกองปราบฯ 17 พ.ค.นี้
พลิก 10 ธุรกิจ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’กก.-ถือหุ้น ก่อนหลบหนีคดีถูกกล่าวหาฉ้อโกงพันล.
กองปราบฯปูพรมล่า 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' ไม่ชัดโยงนักการเมืองดัง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/