นายกฯ ย้ำสถานบันเทิงไหนพบคนป่วยโควิด ต้องปิดทันที 2 สัปดาห์ พร้อมขีดเส้น 30 วันสรุปแนวทางบริหารจัดการวัคซีนทางเลือกที่จะนำเข้าโดยภาคเอกชน
----------------------------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 10 เม.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในรายการ นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง ผ่านทางพอดแคสต์ (PODCAST) ถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด ว่า มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นที่ผ่านมาเราร่วมมือกันเป็นอย่างดีและสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลายลง ทุกคนก็อยากจะพักผ่อน และท่องเที่ยวเพื่อคลายความเครียดจากการทำงาน จนเราอาจจะประมาทและลืมไปว่าทุกนาทีคือ ความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ตลอดเวลา ฉะนั้น สิ่งใดที่บกพร่องต้องกลับไปดูและแก้ไข เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วไม่มีใครจะสามารถย้อนกลับไปได้ แต่เราจะต้องทำวันนี้และวันต่อๆ ไปให้ดีที่สุด เพื่อต่อสู้กันอีกครั้ง ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า การทำงานของรัฐบาลก็ยังคงดำเนินไปตามปกติ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเรามีระบบต่างๆ รองรับไว้อยู่แล้วแม้จะเป็นวันหยุดพวกเราก็ทำงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการบริหารสถานการณ์ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ชุดเล็ก ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง การแบ่งพื้นที่สถานการณ์ยังแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
1.พื้นที่สีส้ม หรือ พื้นที่ควบคุม 9 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี
2.พื้นที่สีเหลือง หรือพื้นที่เฝ้าระวังสูง 14 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ระนอง ชลบุรี ระยอง ชุมพร สงขลา ยะลา และนราธิวาส
3.พื้นที่สีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง 54 จังหวัด
@ย้ำสถานบันเทิงพบผู้ป่วย ต้องปิดทันที 2 สัปดาห์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องกำหนดพื้นที่แบบนี้เป็นเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงสงกรานต์ ตนเป็นห่วงเรื่องการกระทบต่อแผนการเดินทาง รวมถึงการทำมาหากินของผู้ประกอบการที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะเราเคยมีบทเรียนเมื่อปีที่แล้วว่า การใช้ยาแรงอาจจะควบคุมโรคได้ดี แต่มีผลข้างเคียงต่อธุรกิจและผู้ประกอบการทั่วไป
สำหรับมาตรการที่เริ่มมาแล้วตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาคือ หากพบผู้ติดเชื้อในสถานประกอบการ เช่น ผับ บาร์ คาราโอเกะ และ อาบอบนวด ก็ให้ปิดสถานประกอบการนั้นทันทีอย่างน้อย 2 สัปดาห์หรือจนกว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลาย อีกเรื่องที่หลายคนยังกังวลใจจากการมีจำนวนผู้ติดเชื้อ คือ เรื่องของจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับผู้ป่วยให้เพียงพอ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล
ขณะที่การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มสามารถเปิดได้โดยใช้มาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีผู้ติดเชื้อในร้านอาหารหรือสถานประกอบการใดให้ปิดสถานบริการนั้นทันทีเพื่อจัดระเบียบอย่างน้อย 2 สัปดาห์
@ขีดเส้น 30 วันสรุปแผนจัดหาวัคซีนเอกชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการวัคซีนป้องกันโควิด ว่า ได้เชิญผู้แทนโรงพยาบาลเอกชนมาประชุมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนของภาคเอกชนและมีข้อสรุปคือจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.วัคซีนที่รัฐจัดหา ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดหาให้เพียงพอและฉีดให้ฟรี และ 2.วัคซีนทางเลือก โดยสั่งให้ตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์โรงพยาบาลเอกชนให้ได้ โดยให้ไปพูดคุยหาแนวทางการจัดหาวัคซีนต่างประเทศเพิ่มเติมจากวัคซีนที่รัฐจัดหาโดย ให้มีข้อสรุปภายใน 30 วัน ซึ่งหากทำได้เราก็จะสามารถครอบคลุมประชากรประมาณ 40 ล้านคน หรือ 60-70% ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด
นอกจากนี้ตนได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุข จัดสัดส่วนวัคซีนที่มีอยู่ให้ตรงกับสถานการณ์ความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว อีกทั้งได้ขอให้นำวัคซีนที่จะเข้ามาอีก 1 ล้านโดส ไปฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทั้งของรัฐและเอกชน รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีความเสี่ยงสูงทั่วประเทศให้ครบโดยเร็ว ส่วนที่เหลือก็จะมีการจัดให้เหมาะสมครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เช่น เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ทหาร ตำรวจ ประชาชนที่มีโรคประจำตัวผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและประชาชนในพื้นที่ระบาด ซึ่งเราต้องวางแผนล่วงหน้าสำหรับวัคซีนที่เรามีปัจจุบันและที่จะเข้ามาในอนาคต
ส่วนกรณีมีเอกชนบางรายโฆษณาให้ประชาชนจองวัคซีน ทั้งที่ไม่มีวัคซีนอยู่ในมือถือว่าผิดกฎหมายการโฆษณายา ซึ่งเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจสอบให้เป็นไปตามกระบวนการ ย้ำว่าวันนี้มีช่องทางเดียวที่นำเข้ามาโดยรัฐ แต่ต่อไปจะมีวัคซีนทางเลือกที่หาทางนำเข้ามาเพิ่มให้โรงพยาบาลเอกชนสามารถฉีดได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การผลิตวัคซีนภายในประเทศที่ดำเนินการโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ทุกอย่างเป็นไปตามแผนและได้ผลดี ขณะนี้ได้ทยอยผลิตวัคซีนตั้งแต่ระดับต้นน้ำแล้ว คือการผลิตในประเทศและอยู่ระหว่างการส่งตรวจคุณภาพวัคซีนในห้องปฏิบัติการอ้างอิงในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าจะรู้ผลในเร็ววันนี้ ขณะที่แผนการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับกรมควบคุมโรคในช่วงกลางปีนี้ ก็จะทยอยส่งมอบประมาณเดือนละ 5-10 ล้านโดส สอดคล้องกับแผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลที่วางไว้ ทั้งหมดเป็นหลักประกันว่าเราเข้าถึงวัคซีนได้ในเวลาที่เหมาะสม
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage