'วราวุธ'ยืนยัน เจ้าหน้าที่มีกล้องบันทึก - ไม่มีเหตุใช้ความรุนแรงกับกะเหรี่ยงบางกลอย ย้ำใครถูกกระทำ ขอให้ส่งหลักฐานมา พร้อมฟันวินัยทันที ขณะที่ พีมูฟ เตรียมหารือร่วม 'ธรรมนัส' หาข้อยุติปัญหาวันนี้
...........................................................................
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2564 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแก้ปัญหารุกที่ป่าบ้านบางกลอย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามตัวบทกฎหมาย ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่าจะมีความรุนแรงกับประชาชนนั้น ขอยืนยันว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ช่วงที่ผ่านมาเป็นการดำเนินการตามหมายของศาลและดำเนินการด้วยความละมุนละม่อม ใช้ความถ้อยทีถ้อยอาศัยอย่างถึงที่สุด และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนมีกล้องขนาดเล็กติดตัวทุกคน รวมกว่า 40 ตัว ดังนั้นขั้นตอนเชิญประชาชนออกนอกพื้นที่ หรือลำเลียงของลงมามีการบันทึกภาพวีดีโอ บันทึกเสียงไว้ตลอด ส่วนที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนนั้นไม่เป็นความจริง หากใครมีหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่คนใดใช้ความรุนแรงกับประชาชนขอให้ส่งข้อมูลมาที่กระทรวง ตนจะดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รายนั้นๆ เนื่องจากนายกฯ รวมถึงตนมีนโยบายให้ใช้วิธีถ้อยทีถ้อยอาศัยจะต้องไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
นายวราวุธ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากประชาชนลงจากพื้นที่บางกลอยกลาง เรายืนยันในเรื่องของการเจรจามาแก้ไขปัญหา ทั้งประเด็นเรื่องที่ทำกินและระบบสาธารณูปโภค โดยในปัจจุบันมีพื้นที่สำหรับการทำการเกษตรและที่อยู่อาศัยจำนวน 700 กว่าไร่ โดยส่วนราชการหลายหน่วยงานได้เข้าไปพัฒนา หลายพื้นที่ในบ้านบางกลอยสามารถทำการเกษตรได้แล้ว แต่ยังมีหลายพื้นที่ที่น้ำยังเข้าไปไม่ถึง จึงทำให้ประชาชนบางกลุ่มยังไม่ได้การเยียวยาและพัฒนาเท่าที่ควร ปัจจุบันกระทรวงและหลายหน่วยงานจะเข้าไปแก้ปัญหาในพื้นที่เพื่อให้ทำการเกษตรได้ นายกฯได้ย้ำว่าความเดือดร้อนของประชาชนจะต้องได้รับการแก้ไข จะต้องมีที่อยู่ที่ทำกิน มีระบบสาธารณูปโภค แต่ขณะเดียวกัน ทรัพยากรธรรมชาติจะต้องได้รับการอนุรักษ์ไว้เช่นกัน
นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนที่มีการระบุว่ากระทรวงไม่ทำตามสัญญาที่จะจัดหาพื้นที่ให้ประชาชนนั้น ยืนยันเราไม่ได้ทำผิดสัญญาเลย วันที่ตกลงกันตนสั่งให้เจ้าหน้าที่ถอยออกมา และขอว่าในช่วงเจรจาขอให้ชาวบ้านออกมาและหยุดการบุกรุกป่า แต่ปรากฏว่ามีการบุกรุกและเผาป่าอย่างชัดเจน จึงเป็นที่มาที่เราขอให้ทุกคนทำตามกฎหมาย เพราะเคยมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่าในพื้นที่ใจแผ่นดินไม่อนุญาตให้บุคคลใดเข้าไปทำประโยชน์ ยืนยันเราทำภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดสัญญาใดๆ ส่วนที่มีบุคคลบางกลุ่มแตกประเด็นไปเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชน แต่เป็นเรื่องประชาชนไม่พอใจเรื่องที่ทำกิน ส่วนกรณีที่มีบางพรรคการเมืองระบุจะพาเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติเข้าพื้นที่นั้น กระทรวงยินดีเป็นอย่างยิ่ง จะได้ประหยัดงบประมาณด้วย เราจะได้ไม่ต้องออกเอง
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้ชี้แจงมาแล้วหลายครั้งว่าเป็นพื้นที่ที่เขาเดินทางกลับเข้าไป เป็นพื้นที่ต้นน้ำ เมื่อมีคำสั่งศาลมาแล้ว เราก็ได้หาพื้นที่ทดแทนให้ ปรากฎว่ามีคนเพิ่มขึ้นจาก 97 คนเพิ่มเป็นพันกว่าคน ซึ่งต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร วันนี้เราดูแลดีกว่าหลายพื้นที่ด้วยซ้ำ การมาขอพื้นที่ทำกินคนละ 15 ไร่ สำหรับปลูกพืชหมุนเวียนเป็นไปได้หรือไม่ ขอให้รอฟังผลการหารือระหว่างรัฐกับกลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสนใจทุกเรื่องและให้หน่วยงานเข้าแก้ปัญหาเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ทั้งนี้หากถามว่า ยังมีประชาชนไม่มีที่ทำกินอีกเยอะหรือไม่ ก็มีอีกเยอะ ดังนั้นต้องบูรณาการแก้ปัญหาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย เกษตร หรืออะไรก็แล้วแต่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และกลุ่มภาคี #SAVEบางกลอย ที่ปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล เคลื่อนขบวนมาบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล และเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และปัญหาข้อพิพาทพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์บางกลอย โดยนายจำนง หนูพันธ์ แกนนำ อ่านแถลงการณ์ 7 ข้อ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ปรับท่าทีในการแก้ปัญหาโดยไม่วางตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน
2. ยุติและเพิกถอนการดำเนินคดีกับชาวบ้าน 30 รายกรณีพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์บางกลอย
3.ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร
4.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดถือ และดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาล กับตัวแทนภาคี #Saveบางกลอย และกลุ่มพีมูฟ
5.แต่งตั้งคณะกรรมการอิสระที่มีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ องค์กรอิสระ และภาคประชาสังคม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอแนวทางแก้ปัญหา
6.ให้ ทส.เร่งรัดแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของพีมูฟ ก่อนเกิดความรุนแรง ขัดแย้งเช่นกรณีบางกลอย
7.ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชุมเพื่อหาทางออก ไม่ใช่รอความคืบหน้าจากส่วนราชการเท่านั้น
ด้าน นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลในการเจรจา กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ทีมงานของตนทำงานด้วยความจริงใจ แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ส่วนปัญหาพื้นที่บางกลอยนั้น ตนและคณะเตรียมจะลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริงในเร็วๆนี้ โดยพล.อ.ประวิตร สั่งการว่าต้องไม่ให้มีการใช้ความรุนแรงกับประชาชนโดยเด็ดขาด ต้องหันหน้าเข้าคุยกันด้วยเหตุผล และดูแลความเป็นอยู่ของทุกคนที่ออกจากพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นวันนี้ตนเชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับสมัชชาคนจนมาพูดคุย ก่อนจะนำเข้าที่ประชุมที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ในวันเดียวกัน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage