อธิบดีดีเอสไอ-จนท.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ จว.ภาคใต้ ลงพื้นที่ ‘นิคมอุตสาหกรรมจะนะ’ สงขลา หลังชาวบ้านร้องเรียน ‘บิ๊กกลุ่มทุน’ ออก น.ส.3 ก ทับซ้อนที่ทำกินราษฎรกว่า พบน่าเชื่อว่ามีการบุกรุกครอบครองที่สาธารณะกว่าพันไร่ บางแปลงออกเอกสารสิทธิทับที่ป่าชายเลน 700 ไร่ กินพื้นที่ 3 ตำบล ส่อผิด กม.ที่ดิน-กม.ป่าไม้
..................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะกำกับดูแล และนายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผอ.การกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้มอบหมายให้นายชยพล สายทวี ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ลงพื้นที่ทำการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง กรณีมีการร้องเรียนกล่าวหาเกี่ยวกับการขอออกเอกสารสิทธ์บริเวณโครงการ ‘จะนะเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ทับที่ดินทำกินของราษฎรในพื้นที่กว่า 100 ไร่ และประเด็นอื่น ๆ
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก ประชาชนในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาได้ยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีเศษร้องเรียนว่าบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นเรื่องขอออกโฉนดที่ดิน ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก ทับซ้อนกับที่ทำกินของราษฎรในพื้นที่ซึ่งครอบครองอยู่จำนวนหลายราย และชาวบ้านได้คัดค้านการรังวัดออกโฉนดที่ดินดังกล่าวในขั้นตอนการเดินสำรวจเพื่อรังวัดสอบเขตที่ดินแล้ว โดยให้เหตุผลว่าได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอด และบางรายถือครองต่อจากปู่มาสู่บิดาแล้วมาสู่ตนเอง บางรายถือครองตกทอดจากผู้ครอบครองเดิมด้วยการซื้อขาย และแต่ละแปลงได้ถือครองมาก่อนหลายสิบปี ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของประมวลกฎหมายที่ดิน
รายงานข่าวระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรากฎข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่น่าเชื่อว่ามีการบุกรุกครอบครองที่สาธารณะและที่ป่าชายเลนในพื้นที่จำนวนกว่าพันไร่ และบางแปลงมีการออกเอกสารสิทธิทับที่ป่าชายเลน กว่า 700 ไร่ ที่มีกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลังโดยที่ดินบริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ‘โครงการจะนะเมืองต้นแบบนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาทับ และตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
จากกรณีดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศพระราชบัญญัติการสอบสวนพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค จะทำการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาสั่งการให้ทำการสืบสวน ตามมาตรา 23/1 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หากพบความผิดจะดำเนินคดีต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/