‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’แจงแล้ว! หลังถูก ป.ป.ท.ชี้มูลผิดคดีเป่าบ้าน ‘ปู่คออี้-กะเหรี่ยงแก่งกระจาน’ ยันทุกคดีดำเนินด้วยความเป็นธรรมมาโดยตลอด ขออย่าเชื่อกระดาษที่ผู้ร้องเอามาฝ่ายเดียว ลั่นนี่หรือคือความเป็นธรรม มีเจตนาพิเศษอะไรหรือไม่ ท้าลงพื้นที่จริง ใช้เฮลิคอปเตอร์สำรวจเลยว่ามีการเผาจริงไหม
..............................................
คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีมติชี้มูลความผิดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติ รวม 6 ราย ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมติให้ออกจากราชการ กรณีถูกกล่าวหาว่า ได้เข้ารื้อถอนเผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง และทรัพย์สินอื่น ๆ ของนายโคอิ หรือ คออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน และของชาวบ้านอีกหลายราย โดย ป.ป.ท.จะส่งสำนวนให้ต้นสังกัด คือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้ดำเนินการทางวินัย และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินการในคดีอาญาต่อไปนั้น (อ่านประกอบ : ป.ป.ท.ชี้มูล'ชัยวัฒน์'ผิด ม.157-ไล่ออกราชการ คดีรื้อถอน-เผาบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจาน)
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2564 สื่อหลายสำนักรายงานอ้างว่า พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายชัยวัฒน์ ในประเด็นดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมา นายชัยวัฒน์ ส่งข้อความผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์แจ้งว่า จากที่สื่อมวลชนโทรหา ขอโทษด้วยที่ไม่ได้รับสาย ตนได้อ่านจากสื่อตีพิมพ์/โทรทัศน์ จับใจความว่าได้ว่า ป.ป.ท. มีการให้ข่าวชี้มูลตน ให้ออกจากราชการ มีความผิดฐานเผาบ้านปู่คออี้ และให้อัยการฟ้องคดีอาญา
“ผมเป็นข้าราชการ ดำเนินคดีในคดีตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาหลายคดี ทุกคดีเราให้ความเป็นธรรม และต้องสามารถตอบข้อสักถาม ต่อพนักงานสอบสวนและศาลได้ว่า แต่ละคดี มีที่มา ที่ไปอย่างไร จุดเกิดเหตุ พิกัด อยู่ที่ไหน ลักษณะโดยรอบรวมถึงสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร และความเสียหายมีขอบเขตเท่าใด เพราะการกล่าวหาดำเนินคดีใครสักคน เราต้องมีความเป็นธรรม เป็นกลาง และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ และเห็นพยานแวดล้อมทั้งหมดเสียก่อน จึงจะทำหน้าที่ข้าราชการที่ดีได้” นายชัยวัฒน์ ระบุ
นายชัยวัฒน์ ระบุด้วยว่า หลักการทั่วไปที่ต้องปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่เป็นพนักงานสืบสวน สอบสวน ที่ต้องทำ คือต้องมีพิกัดจุดเกิดเหตุ และต้องพิสูจน์ว่าตรงตามแผนที่หรือไม่ ต้องพิสูจน์ทราบตามพิกัดว่าตรงและจริง ตามฟ้องหรือไม่ เจ้าหน้าที่ต้องลงจุดเกิดเหตุ แล้วได้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตนเอง ใช่หรือไม่ เปรียบเทียบภาพประกอบที่แนบตามฟ้อง ว่ามุมกล้องในภาพ ตรงกับจุดเกิดเหตุจริงหรือไม่ แล้วเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และพนักงานสอบสวน ได้นำสืบหาพยานหลักฐาน ตามข้อมูลพื้นฐานนี้หรือยัง
“จนถึงวันนี้แล้ว ไม่มีใคร แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ก็ไม่เคยเข้าไปที่จุดเกิดเหตุสักคนเดียว ทั้งที่ผมปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่มีการเผาบ้านปู่คออี้ ตามฟ้องแต่อย่างใด และยังร้องขอท้ายบันทึกวันที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.สอบสวนว่าขอให้ไปดูจุดเกิดเหตุว่ามีจริงหรือไม่และอยู่ตรงไหน ขออย่าเชื่อกระดาษที่ผู้ฟ้องเอามาให้ดูอย่างเดียว การสอบสวนใช้วิธีการนั่งสอบสวน สอบปากคำพยานบุคคลและเชื่อข้อมูลในกระดาษ นี่หรือ คือความเป็นธรรม มีเจตนาพิเศษอะไรหรือเปล่า” นายชัยวัฒน์ ระบุ
อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระบุด้วยว่า ฝากเรียน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังมีเวลา อีกสามเดือนยังพอที่จะชี้มูลให้ตนออกจากราชการได้ วันนี้ใช้โอกาสนี้ ขอเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ปฏิบัติหน้าที่ ที่เป็นปัญหาอยู่ที่โป่งลึกบางกลอย กับพื้นที่ที่ชาวบ้านพยายามขึ้นไป แถวบางกลอยบน อาศัยเฮลิคอปเตอร์ลงไปที่ ที่ผู้ฟ้องอ้างว่ามีการเผา ลงไปดูก่อนว่า มีจริงหรือไม่แล้ว กลับมีพิจารณาอีกที ยังมีเวลา ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวจะเสียเรื่องจริยธรรม คุณธรรม (อ้างอิงข่าวจาก เดลินิวส์ออนไลน์ : https://www.dailynews.co.th/politics/827769)
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายชัยวัฒน์ จาก https://www.newtv.co.th/
อ่านประกอบ :
ป.ป.ท.ชี้มูล'ชัยวัฒน์'ผิด ม.157-ไล่ออกราชการ คดีรื้อถอน-เผาบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจาน
‘มึนอ’ร้องขอความเป็นธรรม อสส.หลังดีเอสไอ แย้งคำสั่งไม่ฟ้องคดี 'บิลลี่ พอละจี'
ภรรยาบิลลี่เผยดีเอสไอเข้าสอบปากคำคดีบิลลี่เพิ่ม
‘ชัยวัฒน์’ มอบตัวดีเอสไอ ‘คดีบิลลี่’ ยันไม่หลบหนี ตัดพ้อสื่อ สร้างเรื่องจนไร้ที่ยืน
เปิด 6 ข้อหาหนัก! ศาลฯ อนุมัติหมายจับ ชัยวัฒน์ พวก คดี บิลลี่
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/