‘ประเสริฐพงษ์’ ส.ส.ก้าวไกล ยกมติ ป.ป.ช.ซักฟอก ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ เป็นผู้มีมลทินติดตัวมัวหมอง ถูกชี้มูลผิดช่วงนั่งนายก อบจ.สงขลา ไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์ 50 ล.-ชงเองกินเองให้งบอุดหนุน ส.กีฬาฯ เจ้าตัวชี้แจงไม่ได้ทุจริต ยันมีหลักฐานชัดเอกชนฮั้วประมูลกัน รอศาล ปค.สูงสุงตัดสิน ร้องขอความเป็น อสส.แล้ว
...................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล 10 ราย ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยในช่วงเย็น นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีเคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์แก่เอกชน วงเงิน 50 ล้านบาทเศษ และกรณี ป.ป.ช. มีมติส่งผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยแก่นายนิพนธ์ ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งคำร้องให้ ป.ป.ช. พิจารณากรณี อบจ.สงขลา เบิกจ่ายเงินอุดหนุนงบสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา
@ส.ส.ก้าวไกลยกมติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีไม่จ่ายเงินค่ารถซัด‘นิพนธ์’
นายประเสริฐพงษ์ อภิปรายสรุปได้ว่า นายนิพนธ์ เคยถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กรณีดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ฐานละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่เบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อรถอเนกประสงค์ 50 กว่าล้านบาท โดยอ้างว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของทางราชการ มีการสร้างข้อเท็จจริงใหม่ว่า มีการฮั้วประมูลกัน แต่ข้อกล่าวหาเอกสารต่าง ๆ ของนายนิพนธ์ทำไมฟังไม่ขึ้นในทุกหน่วยงานเลย ตั้งแต่ศาลปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สตง. ป.ป.ช. ที่แต่งตั้งมาในยุค คสช.พวกเดียวกับนายนิพนธ์ โดยในคำพิพากษาของศาลปกครองบอกชัดว่า นิติบุคคลทั้ง 3 รายที่ประมูลโครงนี้ไม่มีประเด็นการกีดกันการเสนอราคา หรือฮั้วประมูล ดังนั้นที่นายนิพนธ์อ้างว่าทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติของแผ่นดิน แต่กลับทำให้ราชการต้องเสียเงินเพิ่ม พร้อมดอกเบี้ย อย่าอ้างว่าเรื่องยังไม่จบ ยังเหลือในชั้นศาลปกครองสูงสุด เรื่องนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไว้แล้ว มีร่องรอยการกระทำความผิดแล้ว
“สงสัยว่า ที่ท่านหน่วงเหนี่ยวไม่ยอมจ่ายเงินกรณีนี้ เป็นเพราะบริษัทเขาไม่ยินยอมตามข้อเรียกร้องบางอย่างผ่านคนใกล้ชิดของท่าน นอกเหนือจากสัญญาขายปกติหรือไม่ เรื่องต้องจ่ายก็ไม่จ่าย” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
@อ้างเบิกจ่ายงบอุดหนุน ส.กีฬาฯ ‘ชงเองกินเอง’
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นการเบิกจ่ายงบอุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลานั้น ก่อนหน้านี้น้องชายนายนิพนธ์เป็นนายก อบจ.สงขลา ต่อมานายนิพนธ์เป็นนายก อบจ.สงขลา โดยมีการเบิกจ่ายเงินให้สมาคมกีฬาจังหวัดสงขลาที่มีชื่อนายนิพนธ์เป็นนายกสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา เรียกได้ว่า ชงเองกินเอง อนุมัติเอง ใช้เงินเอง ทำให้ สตง.ทักท้วงว่า การเบิกจ่ายเงินดังกล่าวเกินอำนาจหน้าที่ของ อบจ.หรือไม่ และเอาเงินอุดหนุนดังกล่าวไปอุดหนุนองค์กรอื่นต่อ ไม่รู้ว่าองค์กรอื่นที่ว่าคือสโมสรฟุตบอลที่นายนิพนธ์เป็นเจ้าของหรือไม่ เรื่องนี้ สตง.ส่งให้ ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. มีมติออกมาแล้วว่าให้ส่งเรื่องต่อผู้บังคับบัญชาดำเนินการถอดถอนทางวินัยแล้ว ตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. ผู้บังคับบัญชาที่ว่าคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
“ต้องทวงถามตรงนี้ว่า การดำเนินการทางวินัยกับนายนิพนธ์ ที่เป็น รมช.ของท่าน ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว หรือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นเสาค้ำยันรัฐบาลหรืออย่างไร ถึงไม่กล้าทำอะไร” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
@ลั่นเป็นผู้มีมลทินมัวหมอง-ยกตัวอย่างอดีต รมต.ปชป.ไขก๊อก
นายประเสริฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า นายนิพนธ์ ยังเข้าข่ายกระทำผิดมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง รวมถึงผิดตามประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง สำนักนายกรัฐมนตรี ด้วย กรณีเหล่านี้แสดงให้เห็นว่านายนิพนธ์ไม่ได้มีปูมหลังที่ขาวสะอาด ไม่น่าไว้วางใจตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐมนตรีแล้ว เป็นผู้มีมลทินติดตัวมัวหมองไปแล้ว แต่นายกรัฐมนตรี กลับตั้งนายนิพนธ์เป็น รมช.มหาดไทย กำกับดูแลหลายกรม นี่หรือประชาธิปไตยที่สุจริตตามรัฐธรรมนูญ
“ในอดีตมีเรื่องอื้อฉาวมากมายทีรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ลาออก หรือผู้ว่าฯ กทม.ลาออก ด้วยข้อกล่าวหาว่าทุจริต คิดว่าวันนี้ถึงรอบ ถึงคิวของนายนิพนธ์ต้องลาออกเสียตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่จะมีมติไม่ไว้วางใจ อย่าให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องมีภาพแปดเปื้อนการทุจริต มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากไปกว่านี้เลย ขายขี้หน้าคนใต้เปล่า ๆ หลักฐานคาหนังคาเขาขนาดนี้ ปกป้องคิดผิดไม่ได้ เอาไว้ไม่ได้ ต้องละอายแก่ใจ” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว
@‘นิพนธ์’โชว์เอกสาร ป.ป.ช.คอนเฟิร์มไม่ได้ทุจริตเบิกงบอุดหนุน ส.กีฬาฯ
ต่อมา นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่ถูกกล่าวหาสมัยเป็นนายก อบจ.สงขลา แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น กรณีแรก เรื่องงบอุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา ความคืบหน้าประเด็นนี้เมื่อเดือน ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯสงขลา มีหนังสือลับด่วนที่สุดถึงตน เพื่อแจ้งมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยระบุชัดเจนว่า เป็นแค่กระทำการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ มิได้ทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ จึงมีมติส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการแต่งตั้งถอดถอนทางวินัยตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นนี้มีปัญหาอยู่ที่ข้อกฎหมาย และระเบียบ เป็นการโต้แย้งกันที่เป็นปกติระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กับหน่วยงานตรวจสอบ เช่น สตง. ว่าสามารถกระทำอะไรได้บ้างหรือไม่ โดยเรื่องงบอุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา นำเงินส่วนนี้ไปพัฒนากีฬาภายในจังหวัด เพราะปี 2560 จ.สงขลาจะเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาแห่งชาติ อย่างไรก็ดีมีข้อท้วงติงมาจาก สตง. ว่าไม่สามารถเบิกจ่ายได้ โดยผู้ว่าฯสงขลา และกระทรวงมหาดไทย ไม่กล้าขัด สตง. จึงมีหนังสือถึงตนว่าทำไม่ได้ และให้เรียกเงินคืน ตนจึงทำหนังสือไปหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยกฤษฎีกาคณะที่ 1 ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ เป็นประธาน วินิจฉัยแล้วว่า การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวสามารถทำได้
“ข้อความที่ขัดแย้งใน อปท. เป็นเรื่องปกติ หน่วยไหนไม่เห็นด้วย ก็ไปฟ้องศาลปกครอง แต่ผมไปกฤษฎีกา เพราะคำพิพากษาศาลปกครองจะผูกพันเฉพาะคดีนั้น ๆ แต่ถ้าไปกฤษฎีกาคำวินิจฉัยจะผูกพันหน่วยงานอื่นด้วย ยืนยันเรื่องนี้อีกยาวไกล นำไปสู่การฟ้องศาลปกครองว่าใครต้องรับผิดทางละเมิดหรือไม่ อย่างไร ยังต้องเดินไปอีกตามผลของกฎหมาย แต่ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตอย่างแน่นอน บัดนี้ ป.ป.ช.ชี้มาชัดเจนแล้ว” นายนิพนธ์ กล่าว
@ยันปมไม่เบิกจ่ายค่ารถมีหลักฐานฮั้วประมูลชัด-ขอความเป็นธรรม อสส.แล้ว
รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการไม่เบิกจ่ายเงินให้เอกชนค่ารถอเนกประสงค์กว่า 50 ล้านบาทว่า ชี้แจงหลายรอบแล้ว ขอเรียนโดยสรุปว่า เรื่องนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน โดยการประมูลจัดซื้อรถดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนตนเป็นนายก อบจ.สงขลา พอตนมาเป็นจึงมีการให้คณะกรรมการตรวจรับดำเนินการตรวจสอบว่ารถใช้งานได้หรือไม่ ปรากฏว่าคณะกรรมการตรวจรับบอกว่าใช้ได้ ต่อมาระหว่างเตรียมการนำรถอเนกประสงค์ดังกล่าว มีหนังสือจากผู้ว่าฯสงขลา มาถึงตนบอกว่า มีเอกชนบางรายมาร้องเรียนเกี่ยวกับการประมูลดังกล่าว อาจมีการกีดกันการแข่งขันเสนอราคา และล็อกสเปก ทำให้ตนตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา หลังจากนั้นเอกชนผู้ชนะได้ไปฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ในช่วงเวลาเดียวกันคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงสรุปผลมาว่า อาจมีการฮั้วการประมูล และล็อกสเปกจริง โดยพบพิรุธ และหลักฐานมากมาย รวมถึงข้อเท็จจริงจากประเทศออสเตรเลียด้วยว่า มีการอ้างอิงบริษัทผี ไม่มีตัวตนจริง อย่างไรก็ดีรองผู้ว่าฯสงขลา รักษาการแทนผู้ว่าฯสงขลา ทำหนังสือมาอีกฉบับระบุว่า หากมีประเด็นเกี่ยวกับการร้องเรียนเรื่องฮั้วประมูล หรือล็อกสเปก ให้ระงับการเบิกจ่ายเงินแก่เอกชนไว้ก่อนจนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยอ้างอิงคำสั่งกระทรวงมหาดไทยเมื่อปี 2552 ทำให้ตนยังไม่เบิกจ่ายเงิน เพราะอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และคดียังไม่สิ้นสุด ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ปัจจุบันยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินให้เอกชนแม้แต่บาทเดียว และปัจจุบันมีการดำเนินการในทางอาญาเกี่ยวกับการปลอมเอกสาร หรือใช้เอกสารอันเป็นเท็จด้วย
“ตามพยานหลักฐานที่พิจารณาว่าผมไม่มีเจตนากระทำผิด ทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของ อบจ.สงขลา ป้องกันเงินของแผ่นดิน จึงไม่มีความผิด อย่ามากล่าวหาผมลอย ๆ ไปเอาเรื่องไม่จริงกล่าวหาผม” นายนิพนธ์ กล่าว
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันได้นำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ตรวจสอบพบ และจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อบจ.สงขลา ร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) แล้วด้วย
อ่านประกอบ :
สนง.อัยการปราบทุจริตฯภาค 9 ตั้งคณะทำงานพิจารณาคดี‘นิพนธ์’-ขีดเส้นเสร็จใน 90 วัน
ป.ป.ช.ส่งสำนวน‘นิพนธ์’ถึงมืออัยการฯภาค 9 แล้ว หลังถูกชี้มูลคดีจัดซื้อรถอเนกประสงค์
พฤติการณ์ถ่วงเวลา! ป.ป.ช.แจงชี้มูล‘นิพนธ์’-เจ้าตัวสวนแถลงแบบนี้อาจทำ ขรก.สับสน
ไม่ได้ละเว้น! ‘นิพนธ์’โชว์หลักฐานจาก ตปท.แจงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถเอกชน
ป.ป.ช.ชี้มูล‘นิพนธ์’ไม่เบิกจ่ายค่ารถอเนกประสงค์ 50 ล.ให้เอกชน-เจ้าตัวยันไม่ได้ทุจริต
รอคดีถึงที่สุดก่อน! ‘นิพนธ์’แจงปมเอกชนทวง อบจ.สงขลาจ่ายค่ารถเอนกประสงค์ 2 คัน 50 ล.
เปิดขุมทรัพย์ 3 บ.กลุ่มพลวิศว์คว้าจัดซื้อรถซ่อมถนน 6 อบจ. 219.8 ล้าน
บ้านหญิงสาวผู้ถือหุ้น 2 บ.ประกวดราคา'รถซ่อมถนน'อบจ.สงขลา 50.8ล. ซอยเดียวกัน
เจาะปมจัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ. พิษณุโลก 22.4 ล. ก่อนโผล่ “ขอนแก่น” 28.5 ล้าน
ตามไปดูจัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ.ฉะเชิงเทรา แค่ 22.4 ล้าน จากเครือพลวิศว์ฯ
ชำแหละสารพัดเงื่อนงำ!จัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ.สงขลา 50.8 ล้าน
เปิดหลักฐานมัด!อบจ. ขอนแก่นอ้างอิง“ราคากลาง”ซื้อรถซ่อมถนนจาก 2 บ.กลุ่มเดียวกัน
อบจ.ขอนแก่นประกวดราคาซื้อรถซ่อมถนนคันละ 28.5 ล.- พบ 2 จว.แค่ 22.4 ล้าน