'บิ๊กตู่' โต้อีกรอบเรื่องบ่อน ยันใช้มาตรการเข้มงวด ปัดหย่อนยาน รับสนามมวยเป็นความรับผิดชอบ รบ.-แต่โชคดีที่คุมได้ ลั่นแต่งตั้ง ตร.ต้องไม่เสียเงิน ยันไม่ต้องการผลประโยชน์ด้านนี้ แจงข้อมูลในหนังสือ‘ลับ ลวง พราง’แค่นิยายย้ำเงินชั่วๆ ไม่รับ บาทเดียวก็ไม่เกี่ยวข้อง สั่งปราบบ่อนพนันทุกรูปแบบทั่วประเทศ ย้ายเจ้าหน้าที่-ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง 51 ราย โว 3 ปีดำเนินคดีพนัน จับผู้ต้องหาแล้ว 9.8 หมื่นราย
..................................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2564 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 10 คน โดยฝ่ายค้านมีเวลาอภิปรายทั้งหมดรวม 42 ชั่วโมง รวมระยะเวลา 4 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 – 19 ก.พ. ก่อนที่จะมีการลงมติในวันที่ 20 ก.พ.
สำหรับ 10 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนากยรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย , นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม , นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน , นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ , นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ รอ.ธรรมนัสพรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
@‘บิ๊กตู่’เผยใช้มาตรการเข้มงวดคุมบ่อน-ยันไม่ได้หย่อนยาน
เมื่อเวลาประมาณ 18.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กรณีกล่าวหาประสิทธิภาพการบริหารจัดการบ่อนพนัน และสนามมวยเป็นสถานที่แพร่เชื้อโควิด-19 ว่า หลายอย่างชี้แจงไปแล้ว สำหรับนโยบายการปราบปรามอบายมุขนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกระทรวงมหาดไทย เพิ่มมาตรการความเข้มข้นกำกับดูแลไม่ให้มีการเล่นพนันในทุกพื้นที่ ฝาก ส.ส.ที่ใกล้ชิดกกับประชาชน เตือนประชาชนในพื้นที่ด้วยว่า ถ้าพบเห็นมีคนเรียกไปเล่นการพนัน กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่ง หรือแจ้งที่สายตรงรัฐบาล 1111 จำนวน 5 ช่องทางได้ ส่วนกรณีการสืบสวนสอบสวนถึงผู้อยู่เบื้องหลัง และเจ้าของบ่อน รวมถึงการยึดทรัพย์ต่าง ๆ กำลังใช้มาตรการอย่างเข้มงวดในการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ที่ประชาชนอยู่จำนวนมาก
@รับสนามมวยเป็นความรับผิดชอบ รบ.-แต่โชคดีที่คุมได้
กรณีสนามมวยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดำเนินการสอบสวนไปแล้ว เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นช่วงต้นของการระบาด และทำให้เกิดแนวปฏิบัติตามมาอีกมากว่าต้องดำเนินมาตรการอะไรต่อ โชคดีที่ควบคุมได้ และมีการตรวจสอบผู้เข้ามาในพื้นที่สนามมวยว่านำเชื้อไปแพร่ที่ไหนบ้าง เป็นอย่างไร ทำให้ควบคุมการเผยแพร่ในการระบาดได้ดีมากในระยะนั้น หลายนอย่างเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์ อย่างไรเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่แล้ว
@เผยรับทราบข้อมูลปราบบ่อนตลอด-ย้าย จนท.เพื่อสอบสวน
ส่วนการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเพราะหากปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาหรือเกี่ยวข้องอยู่ในพื้นที่ อาจมีผลทางคดี ต้องนำออกมาเพื่อสอบสวน ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) รายงานผลทุกเดือนว่ามีการสอบสวน หรือลงโทษใครแล้วบ้าง ส่วนกรณีบ่อนพระราม 3 อยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการยุติธรรม บางรายศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว บางรายอยู่ระหว่างพนักงานอัยการดำเนินการฟ้องหลายข้อหา
“การตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่จำเป็นต้องลงไปติดตามเอง แต่ติดตามการปฏิบัติงานของตำรวจ พลเรือน และทหาร ทุกคดีต้องรายงานผลให้ทราบต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลย รัฐบาลมีประสิทธิภาพในการปราบปราม ทำอย่างไรให้คนของเราไม่ไปเล่นการพนัน ท่านพูดมาเองว่าต้องหาวิธีการอื่น ๆ ที่เหมาะสม มีหลายอย่างที่วันนี้ดำเนินการอยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
@ลั่นแต่งตั้ง ตร.ต้องไม่เสียเงิน ยันไม่ต้องการผลประโยชน์ด้านนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแต่งตั้งตำรวจด้วยว่า เป็นอำนาจของ ก.ตร. โดยตรวจสอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ และที่เกี่ยวข้อง จะอาวุโส หรือไม่อาวุโส เหมาะสมอย่างไร คนในรู้ดีอยู่แล้ว ยืนยันว่าจากที่ทำงานในการกำกับ ตร. ที่ผ่านมา ยังไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนเรียกรับผลประโยชน์ เพราะเคยให้นโยบายไปแล้วว่า จะต้องไม่มี นอกจากนี้ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา แทบไม่มีการแต่งตั้งนอกฤดูกาลที่ไม่จำเป็น เพราะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด เวลาประชุม ก.ตร. มีกฎหมายเป็นตั้ง ๆ วางอยู่ข้างตัว ตนไม่กล้ามีผลประโยชน์ ถ้าตั้งคนไม่ดีไป ทุกอย่างมีขั้นมีตอน อย่างไรก็ดีสิ่งที่พูดมาเป็นประโยชน์ และจะรับไปดำเนินการ ไม่ใช่ไม่เอาใจใส่ ขอความเข้าใจด้วย
“หลายคนอาจได้รับการแต่งตั้งอยู่แล้ว แต่มีคนไปหลอกว่าต้องเสียเงิน ขอพูดตรงนี้ว่า การแต่งตั้งจะต้องไม่เสียเงินทั้งสิ้น และไม่ต้องการผลประโยชน์ทางด้านนี้ ต้องช่วยกัน เพราะเรื่องนี้มันเกิดมายาวนาน ผมพยายามแก้ในทุกมิติ ทุกอย่าง ด้วยความเอาใจใส่ ปัญหาไม่ได้แก้ง่าย แต่ผมเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@แจงข้อมูลในหนังสือ‘ลับ ลวง พราง’แค่นิยาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณี น.ส.อมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงกรณีมีบ้านพัก 3 ไร่อยู่ในค่ายทหาร ร.1 ร.อ. โดยอ้างอิงตามหนังสือ ‘ลับ ลวง พราง’ ฉบับ 5 เขียนโดย น.ส.วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารชื่อดัง ว่า บางทีเขียนเป็นนิยาย ให้ดูน่าสนใจ แม้แต่ชีวประวัติตน บางครั้งเพิ่งรู้ว่ามีแบบที่เขียนด้วย มันเป็นนิยาย เป็นการเขียนหนังสือ ไม่อาจกล่าวอ้างตรงนี้ได้ ตนเคารพจรรยาบรรณสื่ออยู่แล้ว
@'บิ๊กตู่'ลั่นไม่รับเงินชั่ว สั่งปราบบ่อนทั่วประเทศไร้ผลประโยชน์
เมื่อเวลา 15.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งแรก ถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเรียกรับประโยชน์ มีคนอ้างอิงหรือข้อมูลจากโทรทัศน์ สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าข้อมูลดิบ ต้องหาพยานหลักฐาน หรือนำเรื่องเข้าสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ส่วนการบริหารสถานการณ์โควิด แก้ปัญหาบ่อนพนัน พนันออนไลน์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ถูกกล่าวหาโดยสิ้นเชิง ในฐานะบุคคลธรรมดาไม่ชอบการพนันไม่ว่าจะรูปแบบใด เพราะทราบดีว่าขัดต่อศีลธรรมอันดี ขัดต่อหลักศาสนา การตกเป็นทาสการพนันก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย และเป็นเรื่องที่ต้องขจัดให้หมดสิ้น
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าได้สั่งการกำกับดูแลอยู่เสมอ มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดำเนินการอย่างเข้มงวด ได้สอบข้อเท็จจริงสั่งย้ายเจ้าหน้าที่รับผิดชอบตั้งแต่ระดับรองผู้การฯ ไปถึงผู้บังคับการฯ จำนวน 51 ราย และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ารู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยปละละเลยให้มีการพนันในพื้นที่หรือไม่ หากตรวจสอบพบว่าเกี่ยวข้องต้องลงโทษสถานหนัก
“ส่วนตัวเชื่อมั่นอย่างสุจริตว่าทุกรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ปัจจุบันการกระทำความผิดสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น วันนี้ให้นโยบายไปว่าให้จับคนเบื้องหลัง นายทุนด้วย จะเล่นงานทั้งเครือข่าย ฉะนั้นไม่มีผลประโยชน์อะไร ก็จับเขาได้หมด ส่วนใครจะกล่าวหาผมไปฟ้องร้องกันมาว่าจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงก็จะสู้กันข้างนอก อย่าหมิ่นประมาทกันแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นได้แต่งตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันได้ว่า รัฐบาลได้เข้มงวดการกวาดล้างการพนันทุกรูปแบบไม่ปล่อยปละละเลย สถิติการจับกุมการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การพนันฯ 3 ปีที่ผ่านมา จับกุม 35,000 – 50,000 คดี มีผู้ต้องหาถึง 98,000 คน และอาจมีมากขึ้นหากสอบสวนเชื่อมโยงได้อีก มีทั้งเรื่องบ่อนพนันระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด สมุทรปราการ บ่อนลอยฟ้ากรุงเทพฯ บ่อนไฮโลพาณิชย์ธนฯ บ่อนแจ้งวัฒนะ บ่อนบางบัวทอง บ่อนไก่ชนทุ่งสะเสลี่ยม การพนันออนไลน์ การจับกุมนายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ และผลสอบสวนบ่อนพระราม 3 รวมถึงการรับส่วยเอื้อประโยชน์การพนัน เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการประกาศว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้
“วันนี้ได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยกับบ่อนพนันในพื้นที่ภาคตะวันออกแล้ว ยืนยันว่าทุกภาคจะถูกตรวจสอบทั้งหมด ไม่ว่าจะผู้กระทำผิดกฎหมาย ผู้รับประโยชน์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใครที่กล่าวหาว่าผมรับประโยชน์ ผมยืนยันบาทเดียวก็ไม่เกี่ยวข้อง เงินชั่วๆไม่รับ รับแต่สิทธิประโยชน์ของผมตามกฎหมายเท่านั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทุกท่านที่รู้ โดยเฉพาะ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ท่านมีฐานะเป็นข้าราชการการเมือง เมื่อท่านรู้ต้องแจ้งความ ปล่อยปละละเลยไม่ได้ ท่านรู้ต้องแจ้งความ นั่นคือความร่วมมือกัน ส่วนคำพูดในสื่อ คำพูดที่เขากล่าวอ้างมา ตำรวจพูดหรืออะไรพูด ยืนยันว่าไม่ได้พูดกับเขา คนจะพูดอะไรก็ได้ ก็ไปสอบสวนทวนความหาข้อเท็จจริงกันไปนอกสภา จะได้ชี้แจงได้
@ชี้เป้าทุจริตถุงมือยาง-โซลาร์เซลล์
เมื่อเวลา 11.10 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว่า นอกจากการอภิปรายนายกรัฐมนตรี จะเป็นการชี้ให้เห็นว่า 9 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเป็นจุดอ่อน และเป็นประโยชน์ต่อนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างยิ่งในการอ้างปรับคณะรัฐมนตรี นำฝ่ายค้านไปอ้างได้เลย ส่วนตัวจะทำหน้าที่เครื่องบินนำร่อง ชี้เป้าว่านายกรัฐมนตรีบกพร่องอะไร ตรงไหน และเพื่อนอีก 36 ชีวิตจะเข้าชี้ระเบิด 4 วันเต็ม และวันสุดท้ายจะมีเครื่องบินเก็บกวาดโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เพื่อไทย ความล้มเหลวของรัฐบาลที่เราไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ประธานสภาฯมองว่าเป็นคำกล่าวหารัฐบาลที่รุนแรง ขอให้ทำใจ เพราะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้มาชมนายกรัฐมนตรี
นายสุทิน กล่าวย้ำว่า เรื่องที่ล้มเหลวมากที่สุด คือการทุจริตซึ่งจะมีหลายเรื่องต้องอภิปราย อาทิ โครงการโซลาร์เซลล์ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่พบว่าจัดซื้อราคาแพง ไม่ติดตั้งจริง ติดตั้งแล้วใช้งานไม่ได้ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงยืนยันว่าตรวจแล้ว 6 แห่งใช้ได้ 1 จุด โดยเรื่องนี้ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เพื่อไทยจะมาขยายความต่อไป
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นยังพบว่าเรื่องถุงมือยางก็มีปัญหาที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) โอนเงินมัดจำไปแล้ว 2 พันกว่าล้านบาท พอไปตรวจสอบแล้วไม่มีของเรียกว่าทุจริตแล้ว แต่สำคัญว่าเป็นการทุจริตที่ผู้อำนวยการ อคส.หรือไม่ จะถึงรัฐมนตรี ถึงคนในรัฐบาลหรือไม่ แม้ว่ารัฐมนตรีจะออกมาชี้แจงว่าแจ้งความและส่งเรื่อง ป.ป.ช.แล้วก็ตาม
“เบื้องลึกไม่ใช่อย่างนั้น ขอให้ท่านระวัง นั่งเรือมาด้วยกัน เขาจะถีบตกจากเรือ เขาจะแฉกันว่าเมื่อสอบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับคนในรัฐบาลหรือไม่ เกี่ยวกับใครที่ดูแล เพราะจุดหมายปลายทางจะส่งถุงมือยางไปขายที่สหรัฐอเมริกา เรื่องนี้ทุจริต และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย จะมาขยายความ” นายสุทิน กล่าว
@พบโกงทั้งแผ่นดิน ซอยสัญญาขุดลอกเบี่ยง e-bidding
นายสุทิน กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องโกงทั้งแผ่นดินมีเรื่องที่ต้องดูที่ภาคอีสาน ที่แก่งละว้า อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พบว่าได้งบขุดลอกคูคลอง 15 ล้านบาท แต่บ่อเดียวกันซอยเป็น 30 สัญญา สัญญาละ 476,200 บาทเท่ากันทุกโครงการ เรื่องนี้ได้ข้อมูลมาจากชาวบ้าน พบว่าคนทำจริงได้ 180,000 บาท ส่วนที่เหลือหายไปไหนมีข่าวว่ามีคนได้ 36%
“ทำไมถึงบอกว่าโกงทั้งแผ่นดิน เพราะโครงการลักษณะนี้มีทุกจังหวัด ซอยสัญญาละ 5 แสนบาท หลบเลี่ยงการทำ e-bidding และคนทำจริงๆ ใช้เงินแค่ 180,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือหายไป มีแบบนี้มีทุกจังหวัด ท่านอยากรู้ลองตรวจดู ไม่ต้องลงพื้นที่ก็ได้ ดูแค่เล่มงบประมาณก็เห็นแล้วโครงการละ 5 แสนบาททั้งนั้น” นายสุทิน กล่าว
@'วิรัช'ขอผู้นำฝ่ายค้านอ่านข้ามข้อความพาดพิงสถาบัน
เมื่อเวลา 09.30 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แสดงความกังวลก่อนที่ผู้นำฝ่ายค้านจะอ่านคำแถลงเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ขอให้อ่านข้ามญัตติที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทั้งหมด เพราะเชื่อว่าจะทำให้การอภิปรายเป็นไปอย่างราบรื่น แต่หากไม่อ่านข้าม ซึ่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พลังประชารัฐ ได้ยื่นญัตติเป็นการป้องปรามว่า หากมีการอภิปรายก้าวล่วงสถาบันอันเป็นที่เคารพหวงแหน ขอเรียนประธานผ่านไปยังผู้นำฝ่ายค้านว่า หากทำได้ ขอให้อ่านข้าม จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการอภิปรายในครั้งนี้
@'สุทิน'ยันยึดญัตติ อ่านไม่ครบ-เสี่ยงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ต่อมานายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า มีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันคือเรื่องที่เป็นข้อกังวลซึ่งปรากฎในหน้าสื่อมาตลอด เกี่ยวกับการยื่นญัตติชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นความจริงว่าโดยข้อบังคับ ระเบียบ กฎหมาย ไม่มีอะไรผิด และบรรจุแล้ว เพียงแต่ประธานวิปรัฐบาลเป็นห่วงว่า อยากให้บรรยากาศราบรื่น แม้จะถูกต้องด้วยรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยข้อบังคับ แต่อาจเป็นช่องให้เกิดการตีรวน แต่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้น ในการหารือร่วมกันผู้นำฝ่ายค้านจึงรับมาแก้ไขเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่เมื่อฝ่ายค้านมีการหารืออย่างรอบด้านจึงได้ข้อสรุปว่า แม้เราจะกังวล แต่หลักนิติต้องยึดไว้ หากถูกต้องด้วยข้อกฎหมาย และข้อบังคับหากจะไปแก้ไข จะกลายเป็นบรรทัดฐานในอนาคต
“หากยึดตามญัตติ หากอ่านไม่ครบ ละเว้นข้อความเสียจะเหมือนไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คงต้องอาศัยจุดยืน บารมีของท่านประธาน เพื่ออธิบายกับสมาชิก ขอเรียนว่าเราไม่สบายใจจริงๆ แต่จำเป็นต้องยึดหลัก ยึดบรรทัดฐานนี้ไว้ให้กับคนรุ่นหลังและจำเป็นต้องอ่านญัตติให้ครบ” นายสุทิน กล่าว
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พลังประชารัฐ กล่าวว่า ประเด็นที่เป็นห่วงคือญัตติที่นำเสนอมานั้นมีข้อความที่มีปัญหา เกี่ยวข้องกับสถาบัน แต่ได้รับการยืนยันจากพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าไม่ประสงค์แก้ไขญัตติดังกล่าว จึงไม่มีหนทางอื่นจำเป็นต้องเสนอญัตติด่วนขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ปัญหาหน้าที่และอำนาจของสภา ตาม รธน.มาตรา 210 (2) เพื่อดูว่าญัตติที่ปรากฏข้อความนำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมือง สภาจะมีอำนาจดำเนินการได้หรือไม่
ส่วนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับการขอให้แก้ไขคำพูดในญัตติดังกล่าว ส่วนตัวเข้าใจความกังวลของประธานวิปรัฐบาลเรื่องนี้ ซึ่งกราบเรียนไปว่าหากมีหนทางใดที่จะแก้ได้ ก็จำเป็นต้องแก้ แต่กราบเรียนว่าการอภิปราย การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการกระทำร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงจำเป็นต้องนำกลับมาปรึกษาหารือกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค และผลสรุปออกมาตามที่ได้รับทราบ
@'ชวน'ย้ำไม่มีข้อความใดล่วงละเมิด แต่เป็นคำกล่าวหาที่รุนแรงต่อรัฐบาล
ต่อมา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในการหารือร่วมกันกับทุกฝ่าย ตนเองได้เป็นคนหยิบยกเรื่องขึ้นมาหรือว่า ญัตติดังกล่าวมีประเด็นอะไรที่ข้อข้องใจหรือไม่ ซึ่งประเด็นอื่นไม่มีปัญหา แต่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ก็ได้ดูว่ามีข้อความใดล่วงละเมิดหรือไม่ คำตอบก็คือ เห็นร่วมกันว่าไม่มี แต่เป็นการกล่าวหารัฐบาล ไม่ได้มีข้อความใดล่วงละเมิดต่อสถาบัน ดังนั้นจึงได้บอกว่าในทัศนะของตน ข้อความที่เกี่ยวกับสถาบัน แม้จะไม่ล่วงละเมิด แต่เป็นข้อกล่าวหารัฐบาลที่รุนแรง อยากขอให้ปรับปรุงข้อความนี้ ไม่ได้ขอให้แก้ แต่ท้วงด้วยความปรารถนาดีทั้งสองฝ่ายว่า หากข้อความนี้ปรากฎ รัฐบาลคงไม่อยู่เฉย เพราะต้องชี้แจง และผู้กล่าวหาอาจตกอยู่ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาได้ จึงไม่ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายเป็นจำเลยของประชาชน
“ในการหารือร่วมกันผมบอกไปว่า ถึงจะไม่ปรับปรุงหรือแก้ไขผมก็บรรจุเข้าระเบียบวาระ เพราะดูญัตติแล้วไม่มีอะไรผิดต่อข้อบังคับ แต่ในความเห็นผม ควรจะปรับปรุงข้อความที่เกี่ยวกับสถาบัน แม้จะไม่ล่วงละเมิด แต่เป็นคำกล่าวหาที่รุนแรงต่อรัฐบาล แน่นอนว่ารัฐบาลคงไม่อยู่เฉย คงต้องตอบ และอาจเป็นผลลบกับผู้อภิปราย ในที่สุด นายสมพงษ์ก็บอกว่าจะนำไปหารือกับคณะ และยืนยันว่าญัตติก็ต้องบรรจุอยู่แล้ว” นายชวน กล่าว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 10.45 น. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ลุกขึ้นประท้วงกันหลายครั้ง อาทิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พลังประชารัฐ ที่ใช้สิทธิ์ประท้วงอย่างน้อย 2 ครั้ง ระบุว่า ที่ไม่ต้องการให้นายสมพงษ์ อ่านข้อความในลักษณะพาดพิงสถาบัน
ทำให้นายชวน กล่าวว่า “อนุญาตให้ผู้นำฝ่ายค้านอ่านตามญัตติที่เสนอ ผมจับตาอยู่ว่าตกหล่นสักพยางค์หรือไม่ ยังไม่ตกหล่น ยังไม่เกินสักพยางค์ คุณไพบูลย์นั่งลงเถอะครับ ด้วยความเคารพ ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะทำทำให้การประชุมวุ่นวายในสิ่งที่ไม่จำเป็น กรณีนี้ญัตติได้อนุมัติไปแล้ว เขาต้องอ่านตามญัตตินี้หากเกินสักคำหนึ่ง ผมจะคอยดูแลเองครับ”
@ชี้ทำไทยมีหนี้สาธารณะมากสุดในประวัติศาสตร์
ในช่วงท้าย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา กล่าวว่า วันนี้นับถอยหลังเข้าสู่จุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 4-5 วันต่อจากนี้ไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ ขลาดเขลา เบาปัญญา ของผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จะเปิดโปงการทุจริตฉ้อฉลของ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ จะเปิดหน้ากากของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำร้ายประเทศชาติ บั่นทอนประชาธิปไตย คุกคามเสรีภาพของประชาชน
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า ตลอดเวลา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีหลังรัฐประหาร และนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้อง ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญยิ่งกว่ารัฐบาลใด ๆ ในรอบ 8 ทศวรรษ ประเทศไทยมีหนี้สินสาธารณะมากสุดในประวัติศาสตร์ ทุจริตใหญ่น้อย ล้มละลายทั่วทุกหัวระแหง ประชาชนทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด อึดอัดข้องใจภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ และสุดท้ายต้องตัดสินใจจบชีวิตตัวเองลงมากที่สุด
@ไม่เคยทำตามสัญญา-บริหารประเทศแบบคิดไปทำไป
ผู้นำฝ่ายค้านในสภา กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนเมื่อ 6 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมาว่า จะคืนความสุขให้ประชาชน แทนที่จะเอาประชาชนเป็นศูนย์กาง ท่านกลับเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แทนที่จะคิดเก่งทำเก่งตามที่อวดอ้างว่า การบริหารประเทศไม่มีอะไรยาก แต่กลับบริหารประเทศแบบคิดไปทำไป ไม่มีการวางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม กลับไปกลับมา โยนความผิดให้กับประชาชน เมื่อเผชิญวิกฤติอย่างโควิด-19 ประชาชนจึงทุกข์แสนสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่เคยยืนหยัดต้านวิกฤติเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ต้องปิดกิจการยุค พล.อ.ประยุทธ์
“พล.อ.ประยุทธ์ อาจลืมไปว่าประชาชน 67 ล้านคน จ่ายเงินเดือนให้กับเขา ทำงานเพื่อทำให้ประชาชนดีขึ้น ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยประชาชน มากกว่านายกรัฐมนตรีที่ห่วงรักษาอำนาจของตนเอง ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรี ทำสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่านายกรัฐมนตรีที่สนใจแต่ความนิยมในโพลล์ ที่ลิ่วล้อเสกสรรปั้นแต่งเข้ามา” ผู้นำฝ่ายค้านในสภา กล่าว
@ซัดเป็น‘รบ.ปรสิต’กลืนกินความฝันประชาชน
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศชาติ ได้แต่อวดอ้างไปวัน ๆ ว่าตัวเองซื่อสัตย์ แต่กลับดูดายวางเฉยให้พวกพ้องบริวารทุจริตฉ้อฉล รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นได้เพียง รัฐบาลปรสิต กัดกร่อนอนาคตของประเทศ กลืนกินความฝันพี่น้องประชาชน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
“วันนี้ประชุมที่สภาแห่งนี้ เพื่อร่วมกันยืนยันให้ประชาชนได้ประจักษ์ว่า การเมืองระบบรัฐสภายังเป็นที่พี่งหวังของประชาชน ต้องร่วมกันสร้างการเมืองความหวัง ประกาศศักดิ์ศรีนักการเมืองพร้อมทำหน้าที่อย่างองอาจ ไม่หวั่นไหวต่ออำนาจอยุติธรรม หรือประโยชน์ใด ๆ” นายสมพงษ์ กล่าว
นายสมพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะอภิปรายคนแล้วคนเล่าไม่หยุดยั้ง แสดงหลักฐานแจ้งให้ชัดว่า ไม่อาจยินยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป และฉุดรั้งชีวิตประชาชนทนทุกข์ทรมานกว่านี้ เชื่อมั่นว่าการอภิปรายในครั้งนี้ จะเป็นแสงแห่งความหวัง ส่องไปทุกหนแห่ง ไล่ความมืดที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้เมื่อเกือบ 7 ปีที่ผ่านมา จากเหนือจรดใต้ว่าเราจะต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะจุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้
อ่านประกอบ :
ใครเป็นใคร? เปิดฉบับเต็มข้อกล่าวหาฝ่ายค้าน ยื่นซักฟอก '3 ป.'พ่วง 7 รมต.
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage