สตง.โชว์ผลงานสรุปผลสอบจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันโควิด 4 จว.ส่ง ป.ป.ช. 'ปากน้ำ' พบราคาหน้ากากแพง-สจ.โผล่แจกสินค้าให้ชาวบ้าน-'ภูเก็ต' เจอล็อกสเปกเอกชนรายเดียวขายเครื่องพ่นสารเคมี -รวมกรณีถุงยังชีพลำพูน-ภาพหลุดไลน์กลุ่ม อบต.ในร้อยเอ็ด เรียกเงินทอน 30% ด้วย ย้ำทุกหน่วยงานให้ดำเนินการตามระเบียบ เปรียบเทียบราคากลางอย่างน้อย 3 แห่ง พร้อมเป็นที่ปรึกษาตอบทุกข้อสงสัยภายใน 30 วัน
..............................
นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงความคืบหน้างานตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณภาครัฐในการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ โคโรน่าไวรัส ว่า สตง.ยังคงติดตามตรวจสอบข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐเกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด
โดยเรื่องที่มีการสรุปผลการตรวจสอบส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว ได้แก่ กรณีจังหวัดสมุทรปราการ มี 2 กรณี คือ 1. จัดซื้อหน้ากากราคาแพงกว่าท้องตลาด 2. สินค้าที่จัดซื้อมีการนำไปให้สมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เป็นผู้แจกจ่าย
ส่วนในจังหวัดภูเก็ต พบปัญหาการจัดซื้อเครื่องพ่นสารเคมีชนิดฝอยละออง ของหน่วยงานแห่งหนึ่ง ที่ได้รับหนังสือแจ้งเวียนสเปคเครื่องมือ ซึ่งมีการระบุชื่อบริษัทเอกชนเจ้าของสินค้าไว้ชัดเจน และมีการจัดซื้อทันที โดยไม่มีการเปรียบราคากลางจัดซื้อจากเอกชนรายอื่น
นอกจากนี้ ยังมีกรณีการจัดซื้อถุงยังชีพในส่วนของ จ.ลำพูน ที่ตรวจสอบพบว่าสินค้าหลายรายการไม่ได้เกี่ยวข้องกับการป้องกันปัญหาโควิด และกรณีภาพหลุดไลน์กลุ่ม อบต.ในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่เสนอขายชุดฆ่าเชื้อโควิด พร้อมเรียกเงินทอน 30% ซึ่งมีการสรุปรายงานผลการสอบสวนส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.แล้วเช่นกัน
นายประจักษ์ กล่าวย้ำว่า ในการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับโควิด-19 ประจำปี 2563 ที่ผ่านมานั้น มีการยกเว้นให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในกรณีที่ไม่มีราคามาตรฐานของสำนักงบประมาณ ให้ใช้ข้อมูลจาก 3 บริษัทอย่างน้อยเปรียบเทียบกัน ซึ่งการยกเว้นดังกล่าวนั้นก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และสามารถดำเนินการจัดซื้อจัดหาได้อย่างเร็ว ซึ่ง สตง.ก็พร้อมให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะการให้คำปรึกษาการปฏิบัติงานตามขั้นตอนต่างๆ อย่างเต็มที่ สามารถให้คำตอบได้ภายใน 30 วัน
"แต่ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานไม่ดำเนินการตามระเบียบที่กำหนด ไปจัดซื้อของโดยไม่มีคู่เทียบเลย บางหน่วยงานก็ไม่กล้าจัดซื้อ ไปบอกว่าถ้าจัดซื้อแบบนี้ เดี๋ยว สตง.ก็มาตรวจ แล้วก็บอกว่าไม่ถูกต้อง ผมก็ยืนยันมาตลอดว่า การดำเนินงานต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ ถ้าหน่วยงานจัดซื้อมีข้อสงสัยตรงไหน ก็ให้ถามมาทาง สตง.ได้ ซึ่งในมาตรา 57 ของ กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินปี 2561 ก็ระบุว่าเรื่องที่อยู่ในอำนาจตรวจสอบของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทั้งรับทั้งจ่าย คุณก็สามารถถามมาได้เลย แล้วทาง สตง.ก็จะตอบมาภายใน 30 วัน เพื่อให้คุณได้จัดซื้อ ถ้า สตง.แนะนำไปแล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นอย่างน้อย คุณก็มี สตง.เป็นเกราะป้องกันตัวได้ ยกเว้นคุณไม่ถาม แล้วคุณไปกระทำความผิด แบบนั้น จะมาโทษ สตง. ไม่น่าจะถูกต้อง " ผู้ว่าฯ สตง.ระบุ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage