สะเทือนเพื่อไทย! กก.บริหารอย่างน้อย 4 รายไขก๊อก เหตุโดน กกต.สอบปม ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ ช่วยหาเสียงผู้สมัครเลือกตั้ง อบจ.หลายแห่ง ชี้ไม่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอาจกระทำขัดกฎหมาย โทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรค
.............................
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563 สื่อหลายสำนักรายงานอ้างแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุถึงกรณีข้อหารือของ กกต.ประจำจังหวัดเชียงราย อ้างเลขหนังสือด่วนที่สุดที่ ลต(ชร)0003/510 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 2563 ขอหารือกรณี น.ส.;สาระดี เตชะธีรวัฒน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ของพรรคเพื่อไทย ที่ทำสำเนาจดหมายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เขียนด้วยลายมือมีข้อความสนับสนุน น.ส.วิสาระดี มาจัดทำแผ่นพับใบปลิวใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งว่าสามารถกระทำได้หรือไม่
สื่อหลายสำนักอ้างอีกว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. มีหนังสือด่วนที่สุดที่ ลต 0019/12345 ลงวันที่ 17 ธ.ค. 2563 ระบุว่า กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่า การนำจดหมายหรือเอกสารของบุคคลอื่นมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งเป็นการแสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชนหรือสมาชิกจากชุมชนเพื่อให้ลงคะแนนให้แก่ตนเอง ถือว่าบุคคลเป็นเจ้าของจดหมายหรือเอกสารดังกล่าวเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากผู้สมัครรับเลือกตั้งประสงค์จะนำจดหมาย หรือเอกสารของบุคคลดังกล่าวมาหาเสียงเลือกตั้ง จะต้องแจ้งรายชื่อบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ช่วยหาเสียงของตนตามข้อ 15 ประกอบข้อ 4 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2563
ข้อ 15 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2563 ระบุว่า ผู้สมัครที่ประสงค์จะมีผู้ช่วยหาเสียงต้องแจ้งรายละเอียดให้ ผอ.กกต.ประจำจังหวัดทราบก่อนวันดำเนินการ ขณะที่ข้อ 4 ได้นิยามคำว่า “ผู้ช่วยหาเสียง” ไว้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้สมัครให้เข้าร่วมกิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง และต้องเป็นบุคคลที่ได้แจ้งรายละเอียด หน้าที่ และค่าตอบแทนต่อ กกต.ประจำจังหวัด ยกเว้นบุคคลในครอบครัว ได้แก่ สามี ภริยาหรือบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ในข้อ 16 บัญญัติว่า ในกรณีบุคคลใดซึ่งมิใช่ผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครตามหมวดนี้ เข้าช่วยเหลือในการหาเสียงเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครแจ้งเหตุการณ์นั้นให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบโดยเร็ว
รายงานข่าวดังกล่าว อ้างว่า เมื่อนำเลขประจำตัวประชาชนนายทักษิณ ตรวจสอบในทะเบียนของ กกต.พบว่า นายทักษิณไม่ถือเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อีกทั้งเมื่อตรวจสอบจาก กกต.เชียงราย ก็ไม่พบว่าผู้สมัครได้แจ้งว่านายทักษิณเป็นผู้ช่วยหาเสียงแต่อย่างใด
ทั้งนี้หนังสือขอหารือจาก กกต.เชียงราย ไปยัง กกต. อาจถูกนำไปเทียบเคียงกับกรณี จ.เชียงใหม่ เนื่องจาก นายทักษิณ ได้เขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเองโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.หาเสียงใน 2 จังหวัด คือ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ กรณี จ.เชียงใหม่ มีทั้งการเขียนจดหมายด้วยลายมือแล้วโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว รวมไปถึงเฟซบุ๊กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย รวมทั้งก่อนวันเลือกตั้งนายก อบจ.ไม่กี่วัน นายทักษิณ ยังอัดคลิปวิดีโอความยาว 3.17 นาที เพื่อช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้หากท้ายที่สุด กกต.วินิจฉัยว่า ขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 อาทิ มาตรา 28 ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม” รวมไปถึงบทบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือไม่ เพราะในการหาเสียงบนเวทีปราศรัยหลายเวทีที่ จ.เชียงใหม่ มีนำจดหมายของนายทักษิณ ไปอ่านบนเวที โดยมีผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ของพรรคเพื่อไทย และกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ร่วมปราศรัยและยืนฟังอยู่ด้วย
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานอ้างแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ในช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้ายของนายก อบจ.หลังจาก นายทักษิณ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กและอัดคลิปขอเสียงสนับสนุนจากชาวเชียงใหม่ให้เลือกผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะในวงการประชุมกรรมการบริหารพรรค ที่เป็นห่วงประเด็นทางข้อกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบมาถึงสมาชิกพรรค และพรรคเพื่อไทยถึงขั้นยุบพรรค โดยเฉพาะการนำเนื้อหาทางจดหมายมาผลิตซ้ำ นำไปอ่านขยายผล เพื่อหวังคะแนนเสียงทางการเมือง แต่ไม่อาจต้านทานความคิดเห็นจากแกนนำคนในพรรคได้ ส่งผลให้กรรมการบริหารไม่น้อยกว่า 4 ราย ได้ทำหนังสือแสดงความจำนงที่ขอคัดค้านส่งไปยัง กกต. และได้ยื่นหนังสือลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยแล้ว (อ้างอิงข่าวจาก : https://www.dailynews.co.th/politics/816179)
หมายเหตุ : ภาพประกอบใบปลิวหาเสียงของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จาก https://mpics.mgronline.com/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/