ราชกิจจานุเบกษาแพร่ พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษฯปี 2563 กรมราชทัณฑ์เผยมีผู้ได้รับการปล่อยตัวทันทีกว่า 30,000 ราย ได้รับสิทธิเข้าหลักเกณฑ์ลดวันต้องโทษอีกกว่า 200,000 ราย ‘สรยุทธ สุทัศนจินดา-บุญทรง-ภูมิ-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เข้าข่ายด้วย
................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2563 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. 2563
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2563 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดีอันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ชาติสืบไป
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 261 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2517 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตรา พ.ร.ฎ.ขึ้นไว้
โดยความในมาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตาม พ.ร.ฎ.นี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่ พ.ร.ฎ.นี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษหรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ฎ.นี้ เว้นแต่ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณะประโยชน์แทนค่าปรับ และผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ
มาตรา 5 ผู้ต้องโทษดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(1) ผู้ต้องกักขัง
(2) ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ
(3) ผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ
กรณีผู้ต้องกักขังตามวรรคหนึ่ง (1) ซึ่งเป็นนักโทษเด็ดขาด และยังไม่ได้รับโทษกักขังแทนโทษจำคุก หรือยังไม่ได้ถูกกักขังแทนค่าปรับ ให้ผู้ต้องกักขังนั้นได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป ในส่วนของโทษกักขังแทนโทษจำคุก หรือในส่วนของการกักขังแทนค่าปรับ แล้วแต่กรณี
มาตรา 6 ภายใต้บังคับมาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 12 และมาตรา 13 นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(1) ผู้ต้องโทษจำคุก ไม่ว่ากรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ พ.ร.ฎ.นี้ใช้บังคับ
(2) ผู้มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เป็นคนทุพพลภาพ ตาบอดสอข้าง มือหรือเท้าด้วนสองข้าง หรือเป็นเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน ไตวายเรื้อรัง มะเร็ง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) หรือโรคจิต ที่ราชการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่า 2 คนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่สามารถรักษาให้หายในเรือนจำได้ รวมถึงหญิงต้องโทษจำคุกครั้งแรก และคนมีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีบริบูรณ์ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ต้องโทษจำคุกครั้งแรก และมีอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ และนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ไม่ว่ากรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีต้องรับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ
ส่วนการลดโทษผู้ต้องขังนั้น ตามมาตรา 7 หมายถึง ผู้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกำหนดโทษจำคุก 15 ปีแล้วให้ลดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร โดยให้นับโทษจำคุกนับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ เว้นแต่กรณีต้องนับโทษต่อจากคดีอื่น ให้นับโทษต่อจากคดีอื่น หรือผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร
ส่วนผู้ต้องโทษจำคุกเพราะความผิดที่กระทำโดยประมาท ไม่ว่าจะมีความผิดอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ให้ลดโทษจากกำหนดโทษลง 2 ใน 3 เฉพาะความคิดที่ได้กระทำโดยประมาท
ขณะที่มาตรา 8 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามบัญชีลักษณะความผิดท้าย พ.ร.ฎ.นี้ (อ่านรายละเอียดท้ายข่าว) ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษดังต่อไปนี้ โดยผู้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้เปลี่ยนเป็นกำหนดโทษจำคุก 15 ปี แล้วลดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ส่วนผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร
ส่วนกรณีนักโทษความผิดคดีเกี่ยวกับการผลิต หรือค้ายาเสพติดนั้น มาตรา 9 นักโทษที่ต้องโทษตามคำพิพากษาให้จำคุกไม่เกิน 8 ปี ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจากกำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ส่วนนักโทษที่จำคุกเกิน 8 ปี หรือตลอดชีวิตนั้น สำหรับผู้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตให้เปลี่ยนกำหนดโทษจำคุก 15 ปี แล้วลดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ส่วนผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร
ส่วนมาตรา 13 ภายใต้บังคับมาตรา 15 นักโทษเด็ดขาดที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษตาม พ.ร.ฎ.นี้ ได้แก่ นักโทษเด็ดขาดซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ผู้ต้องโทษคดีค้ายาเสพติดตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกิน 8 ปีหรือตลอดชีวิต ภายหลังวันที่ พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ใช้บังคับ รวมไปถึงผู้กระทำความผิดซ้ำและมิใช่นักโทษชั้นเยี่ยมเด็ดขาด นักโทษเด็ดขาดขั้นต้องปรับปรุงหรือขั้นต้องปรับปรุงมาก นักโทษเด็ดขาดที่ต้องโทษตามมาตรา 276 วรรคสองหรือวรรคสาม มาตรา 277 มาตรา 277 ทวิ มาตรา 277 ตรี มาตรา 280 มาตรา 285 มาตรา 289 และมาตรา 343 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (คดีเกี่ยวกับการกระทำอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเรา รวมถึงการค้าประเวณี)
ขณะที่มาตรา 15 ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษประหารชีวิต ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลงเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต
(อ่านรายละเอียด ฉบับเต็ม : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/099/T_0001.PDF)
วันเดียวกัน สื่อหลายสำนักรายงานอ้างแหล่งข่าวจากกรมราชทัณฑ์ว่า ตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษฯ ปี 2563 จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำประมาณ 30,000 ราย จากเรือนจำทั่วประเทศตามมาตรา 6 นอกจากนี้ยังมีนักโทษเด็ดขาดได้รับสิทธิเข้าหลักเกณฑ์ลดวันต้องโทษอีกกว่า 200,000 ราย
ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2563 ระบุว่า มีผู้ต้องขังเด็ดขาดที่ควบคุมตัวอยู่ประมาณ 247,557 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 344,161 ราย
ขณะที่รายชื่อบุคคลชื่อดังที่เข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยเข้าข่ายตามมาตรา 8 ใน พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษฯ ปี 2563 เช่น นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรนักเล่าข่าวชื่อดัง ถูกจำคุกคดียักยอกเงินค่าโฆษณา อสมท. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ รวมถึงอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูกจำคุกคดีระบายข้าวจีทูจีโดยทุจริต รวมไปถึงแกนนำคนเสื้อแดง เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/