เผยมติ คกก.ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดอาญา 'เกษม มะรังษี' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการร่วมสัมมนาเป็นเท็จ 3 งาน-ส่งสำนวนไต่สวน อสส. ยื่นฟ้องศาลแล้ว
...............
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายเกษม มะรังษี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการร่วมสัมมนาเท็จ 3 กรณี คือ 1. กรณีเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อเข้า ร่วมการสัมมนาการปฐมนิเทศด้านเอกลักษณ์ของชาติ แก่ผู้เกี่ยวข้องกับงานด้านวิเทศ รุ่นที่ 70 ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 2. กรณีเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time For Action ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพมหานคร และ 3. เพื่อเข้าร่วมการสัมมนา ปฏิรูปการศึกษาท้องถิ่นปฏิรูปประเทศไทย ณ โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
โดยผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีดังนี้
1. กรณีเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อเข้า ร่วมการสัมมนาการปฐมนิเทศด้านเอกลักษณ์ของชาติ แก่ผู้เกี่ยวข้องกับงานด้านวิเทศ รุ่นที่ 70 ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นเท็จ นายเกษม มะรังสี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 90 มีมูลความผิด ฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย แก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาลหรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
2. กรณีเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาเรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time For Action ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา กรุงเทพมหานคร และเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาปฏิรูปการศึกษาท้องถิ่นปฏิรูปประเทศไทย ณ โรงแรมสีมาธานี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นเท็จ นายเกษม มะรังษี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 มีมูลความผิด ฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจ หน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย แก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไข เพิ่มเติม มาตรา 73
เบื้องต้น คณะกรรมการป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อ ดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ พิจารณาพิพากษาคดี และ ส่งสำนวนการไต่สวน ไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่ และอำนาจกับนายเกษม มะรังษี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ มาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดในชั้น ป.ป.ช. เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และชั้นศาล คดียังไม่ถือว่าสิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาจึงถือว่าบริสุทธิ์อยู่
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage