‘สุรพล เกียรติไชยากร’ พร้อมทนายไป กกต.ยื่นหนังสือให้ทบทวนมติแจก ‘ใบส้ม’-คืนสิทธิเป็น ส.ส. หลังศาลฎีกาฯพิพากษายกฟ้องคดีทำบุญ 2,000 บาท เผยข้อพิรุธใช้เวลาพิจารณาไม่กี่ชั่วโมงลงมติกันแล้ว ฟังแค่คำบอกเล่าของ กกต.เชียงใหม่ ขีดเส้น 15 วัน ถ้าไม่ทำอะไรลุยฟ้องเอาผิด ม.157 แน่
..............................
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2563 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ทบทวนกรณีเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งชั่วคราว 1 ปี (ใบส้ม) และคืนสิทธิการเป็น ส.ส.ให้ตนเอง ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ กกต.กล่าวหาว่าตนกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ในการทำบุญพระสงฆ์ 2,000 บาท
นายสุรพล กล่าวว่า การที่ศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว แสดงว่าสิ่งที่ กกต.ปฏิบัติกับตนถือว่าขาดความเที่ยงธรรมและยุติธรรม ที่กกต.อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 225 ว่าการวินิจฉัยของ กกต.ถือเป็นที่สุด แต่อย่าลืมว่าในบทบัญญัติดังกล่าว กำหนดว่าการวินิจฉัยของ กกต.ต้องสุจริตและเที่ยงธรรม คำว่าสุจริต มีความหมายว่า กกต.ต้องมีความรอบคอบในการพิจารณาวินิจฉัยและไม่ทำให้เกิดความเสียหายในการเลือกตั้ง คำว่ายุติธรรมหมายความว่า กกต.จะต้องมีการสืบสวน สอบสวนตามที่กฎหมายกำหนด แต่สิ่งที่ กกต.ทำในคดีนี้ กลับมีการเร่งรีบวินิจฉัยโดยที่สำนวนถูกส่งมาจาก กกต.เชียงใหม่ ถึงสำนักงาน กกต.ในเวลา 10.02 น.ของวันที่ 23 เม.ย. 2562 กกต.พิจารณาเลยในเวลา 15.00 ของวันเดียวกัน ทั้งที่ในสำนวนมีหลายเรื่อง จึงจำเป็นต้องมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ขอให้ กกต.ทบทวน โดยให้เวลากับกกต. 15 วัน ถ้ายังไม่มีการดำเนินการใด ๆ กจะให้ทีมทนายพิจารณาในเรื่องการดำเนินการฟ้อง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
“กกต.อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 225 ว่าคำวินิจฉัยของกกต.เป็นที่สิ้นสุด คำว่าสิ้นสุดต้องสิ้นสุดด้วยความถูกต้อง แต่นี้ศาลฎีกายกคำร้อง ก็หมายความว่าให้ผมบริสุทธิ์ หมายความว่าที่ผ่านมาเท่ากับว่า กกต.ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม วินิจฉัยผิดพลาด ดังนั้นใบส้มที่ให้ไว้ ถือว่าเป็นโมฆะ ทั้ง กกต.กลาง และ กกต.เชียงใหม่ ไม่มีความรอบคอบ พิจารณาด้วยความเร่งรีบ เมื่อผมไม่ผิด กกต.ก็ต้องคืนสิทธิประโยชน์ ให้กับผม และคืนความเป็นส.ส.ของผมให้กับพี่น้องเขต 8 เชียงใหม่“ นายสุรพล กล่าว
ขณะที่นายปกป้อง กลับวิเศษ ทนายความของนายสุรพล กล่าวว่า กกต.อ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 225 ว่าคำวินิจฉัยของ กกต.เป็นที่สุด และคงจะทำอะไรไม่ได้ จริง ๆ ไม่ใช่ เพราะการอ้างเช่นนั้นได้การพิจารณาของ กกต.ต้องเป็นไปตามหลักของกฎหมาย แต่กรณีนี้ศาลได้มีคำวินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมายว่า การดำเนินการสืบสวน ไต่สวน ก่อนให้ใบส้ม ก็ไม่ได้เป็นไปตามระเบียบ ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนของ กกต. และ กกต.ชุดนี้เก่งมากจะวินิจฉัยใบส้ม ไม่อ่านทั้งที่ตามระเบียบกำหนดว่าก่อนที่จะวินิจฉัยจะต้องมีการศึกษาสำนวน 3-7 วัน แต่ กกต.เมื่อได้รับสำนวนในเวลา 10.02 น. วันที่ 23 เม.ย.2562 มีการประชุมเรื่องนี้ในเวลา 15.00 น.จากที่เริ่มประชุมเมื่อ 13.30 น. รายงานประชุมบ่งชี้ว่า กกต.ไม่อ่านสำนวนเลย แต่เชื่อคำบอกเล่าของ กกต.เชียงใหม่ที่ขึ้นเครื่องมาชี้แจง เมื่อพิจารณาเสร็จรีบลงมติ ถึงขนาดที่ กกต.บางท่านไม่ได้เขียนชื่อของนายสุรพล ลงในใบลงมติด้วยซ้ำ
“ความจริงการที่จะประหารชีวิตนักการเมืองสักคน ก็ควรที่อ่านสำนวนสักหน่อยหรือไม่ ระเบียบก็เขียนไว้ชัดว่าต้องมีการศึกษาสำนวน 3-7 วัน และนี้เป็นการให้ใบส้มใบ แต่นี่ใช้เวลาในการพิจารณาเพียงไม่กี่ชม.การจะให้ใบส้มคนแรกของประเทศทำการอย่างนี้หรือ จากข้อมูลจึงทำให้เรามั่นใจว่ากรณีนี้ไม่เป็นที่สุด เพราะไม่ได้ทำตามที่กฎหมายกำหนด” นายปกป้อง ระบุ
นายปกป้อง กล่าวอีกว่า ตอนที่ยื่นต่อศาลฎีกา กกต.เอาข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาเขียนอ้างว่า นายสุบิน ทองก้อนสิงห์ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านกู่ฮ่อสามัคคี หมู่ 21 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ ให้การว่าหลังพระได้รับซองเงินจากนายสุรพลแล้ว นายสุบิน เขียนชื่อนายสุรพล ลงบนซองเงิน นายสุรพล อยู่ในเหตุการณ์และไม่ได้คัดค้าน แต่ข้อเท็จจริงในการไต่สวนมีเพียงว่า เมื่อพระได้รับซองแล้ว นายสุรพล ก็ได้เดินทางกลับ และไม่มีพยานคนใดเห็นว่านายสุรพล อยู่ในเหตุการณ์ ศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ จากการที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาเช่นนี้ จึงอยากให้ กกต.ทบทวนเสียก่อน เพราะ กกต.ถือเป็นสถาบันหลักของประเทศ อยากให้ กกต.วางบรรทัดฐานว่าเมื่อวินิจฉัยผิดก็แก้ไขได้ แต่หากเพิกเฉยและยังคงให้เลขาฯหรือรองเลขาฯ ออกมาชี้แจงได้เพียงเท่านี้ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะเวลานี้นายสุรพล ได้รับการกดดันจากพี่น้องเขต 8 เชียงใหม่ ต้องได้กลับมาเป็นส.ส. อย่างไรก็ตามแม้กฎหมายจะไม่ได้เขียนแน่ชัดว่าให้ กกต.สามารถทบทวนได้ แต่การกระทำนั้นมันถึงที่สุดและถูกลบล้างไปแล้ว น่าจะยึดกฎหมายพื้นฐานทั่วไป เฉกเช่นเดียวระเบียบทางการปกครองที่หากมีความผิดพลาดก็แก้ไขได้
“เมื่อข้อเท็จจริงใดที่ผิดพลาดก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ด้วยตัวผู้ที่ออกกคำสั่ง โดยหลักพื้นฐาน เราใช้หลักพื้นฐานในกรณีนี้ เหมือนกับที่กกต.อ้างว่าถึงที่สุด เพราะการถึงที่สุดตามความเป็นจริงแล้ว ตามมาตรา 224 คำว่าถึงที่สุดหมายความว่าเป็นที่สุดในกระบวนการตอนนั้น หมายความว่าคุณจะไปขอคุ้มครองชั่วคราว หรือไม่อุทธรณ์คำสั่ง เพื่อให้ตัวเองไปเลือกตั้งทำไม่ได้ เรื่องนี้ถึงแม้ไม่มีกฎหมายเฉพาะ แต่สามารถใช้หลักพื้นฐานได้” นายปกป้อง กล่าว
หมายเหตุ : ภาพนายสุรพล จาก https://mpics.mgronline.com/
อ่านประกอบ : ‘สุรพล’อดคืน ส.ส.! เลขาฯ กกต.คอนเฟิร์มแจกใบส้มเป็นไปตาม รธน.แม้ศาลฎีกาฯยกคำร้อง
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage