'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด ยอดตายทะลุ 1 ล้าน-เครือข่ายอนุรักษ์'หวั่น'ฉลามถูกฆ่า 5 แสนตัว แลกสกัดน้ำมันตับปลาใช้กับวัคซีนโควิดทั่วโลก- 'เจ้าฟ้าชายชาร์ล' เตือนคนหนุ่มสาวนับล้านต้องได้รับการปกป้องอนาคต -'โมดี'ประกาศ'อินเดีย' พร้อมเป็นโรงงานผลิตวัคซีนโลก -'ออสเตรเลีย' พบยาอิเวอร์เม็คติน ฆ่าโควิดได้ใน 48 ชั่วโมง
........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น33,298,939ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 251,898ราย เสียชีวิต1,002,158 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่3,873 ราย
ขณะที่นางโสมญา สวามินาธาน (Soumya Swaminathan) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาประกาศเตือนว่า การแพร่หลายของวัคซีน ซึ่งจะช่วยคุ้มกันประชากรโลกน่าจะเริ่มต้นได้ในช่วงกลางปี 2564
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 7,321,343 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 33,782 ราย เสียชีวิต 209,453 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 276 ราย
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 2,513 ราย
และมีรายงานจากเครือข่ายพันธมิตรเพื่อฉลามในรัฐแคลิฟอเนียร์ว่า อาจจะต้องมีฉลามจำนวนอย่างน้อย 500,000 ตัว ถูกฆ่า เพื่อที่จะสกัดน้ำมันตับปลาฉลามในการใช้ทำวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด-19
โดยน้ำมันตับปลาจากตับของฉลามนั้นมีสรรพคุณที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีนในการกระตุ้มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ อย่างไรก็ตาม จะต้องมีฉลามถูกฆ่าเป็นจำนวนอย่างน้อย 3,000 ตัว เพื่อที่จะสกัดน้ำมันตับปลาจำนวน 1 ตัน
ซึ่ง ณ เวลานี้มีรายงานว่าบริษัทยาของประเทศอังกฤษอย่าง แกลกโซสมิทไคลน์ได้ใช้น้ำมันตับปลาจากตับของฉลามในการพัฒนาวัคซีนสำหรับไข้หวัด
เครือข่ายพันธมิตรฉลามยังได้เปิดเผยต่อไปว่า ถ้าหากมีการฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั่วทั้งโลกแค่อย่างน้อย 1 โดส ก็หมายความว่าจะต้องมีฉลามถูกฆ่าอย่างน้อย 250,000 ตัว และอาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับจำนวนน้ำมันตับปลาที่ต้องสกัด และอาจจะต้องถึง 5 แสนตัวถ้าหากต้องฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั่วโลกเป็นจำนวนอย่างน้อย 2 โดส
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้มีรายงานว่ามีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ดำเนินการทดลองเพื่อที่จะทำน้ำมันตับปลาฉลามสังเคราะห์ ซึ่งมีที่มาจากเชื้อหมักต้นอ้อย
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีป จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 4,732,309 ราย ติดเชื้อใหม่ 14,194 ราย เสียชีวิต 141,776ราย เสียชีวิตใหม่ 335 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 1,151,438 ราย ติดเชื้อใหม่7,867 ราย เสียชีวิต 20,324ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 99 ราย
ส่วนที่ ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อใหม่ 11,123 ราย ขณะที่ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,766 ราย
ที่ประเทศอังกฤษมีผู้ติดเชื้อใหม่5,693 ราย ขณะที่เจ้าฟ้าชายชาร์ล ได้ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความเป็นห่วงว่าสถานการณ์โรคระบาดอาจจะทำให้คนหนุ่มสาวอีกหลายล้านคนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะปกป้องอนาคตของพวกเขา
ส่วนที่ประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,313 ราย
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 6,073,348 ราย ติดเชื้อใหม่ 82,767 ราย เสียชีวิตสะสม 95,574 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,040 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
อย่างไรก็ตามนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียก็ได้ให้คำมั่นกับทางที่ประชุมสหประชาชาติว่าประเทศอินเดียมีความพร้อมในการที่จะผลิตวัคซีนเพื่อที่จะใช้ต่อสู้่กับไวรัสโควิด 19 ให้กับประชากรทั้งโลก
อ้างอิงวิดีโอจาก Bloomberg Quint
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 485 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 144 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
ขณะที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 95 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 304,226 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,995ราย เสียชีวิตสะสม 5,344 ราย เสียชีวิตใหม่ 60 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 275,213 ราย ติดเชื้อใหม่ 3,874 รายมีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 10,386 ราย เสียชีวิตใหม่ 78 ราย
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 150 ราย เสียชีวิตใหม่ 1 ราย ขณะที่พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 743 ราย เสียชีวิตใหม่ 28 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 670,766 ราย ติดเชื้อใหม่ 1,268 ราย เสียชีวิต 16,398 ราย เสียชีวิตใหม่ 22 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 24 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยรัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อใหม่อีก 16 ราย
และล่าสุดมีรายงานจากนิตยสารทางกรแพทย์เกี่ยวกับการต่อต้านไวรัส ซึ่งรายงานผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโมแนชพบว่ายาอิเวอร์เม็คติน (Ivermectin) ซึ่งเป็นยาต่อต้านปรสิตที่ได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯหรือ FDA เพื่อใช้ต่อต้านไวรัสหลายประเภทอาทิไวรัสเฮชไอวี ไข้หวัดใหญ่ และไวรัสซิก้า มีขีดความสามารถในการกำจัดไวรัสโควิด 19 ด้วยระยะเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่าเมื่อมีการให้ยาไปด้วยระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมง โปรตีน RNA ของไวรัสจะลดปริมาณลงเป็นอย่างมาก
ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage