'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสม 24.8 ล.- 'สหรัฐฯ' เผยปฏิบัติการณ์วัคซีนยังดำเนินต่อแม้ 'ทรัมป์'แพ้เลือกตั้ง-'ฝรั่งเศส'ติดเชื้อรายวันทะลุ 7 พันสูงสุดนับแต่มีการระบาด ล่าสุดทีมงาน รมต.กห.สหรัฐฯติดเชื้อโควิดระหว่างทริปแปซิฟิก- 'อินเดีย-บังกลาเทศ' เคาะข้อตกลงร่วมกันพัฒนาวัคซีน-'เกาหลีใต้'เผยผลวิจัย เด็กส่อเป็นผู้แพร่เชื้อไร้อาการในประเทศ-'ญี่ปุ่น'ถก บ.โมเดอร์นา เล็งหาวัคซีนอีก 40 ล้านโดสในครึ่งปีหน้า-โควิดส่อระบาดหนักในหมู่เกาะ 'โอเชียเนีย' หลังยอดติดเชื้อรวมทั้งภูมิภาคทะลุ 200 ราย
------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 24,898,703ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 284,128 ราย เสียชีวิต 840,660ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,694ราย
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 6,095,979 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 49,345 ราย เสียชีวิต 185,900 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,104 ราย ทำให้สหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดในโลก
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 5,393ราย
ขณะที่ทางด้านของทำเนียบขาวก็ได้ออกมาชี้แจงว่าปฏิบัติการณ์เร่งการวิจัยวัคซีนของสหรัฐฯหรือที่รู้จักในชื่อว่าปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีดจะยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะแพ้การเลือกตั้งก็ตาม
ส่วนองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯหรือเอฟดีเอก็ได้ประกาศขยายมาตรการฉุกเฉินในเรื่องของการนำยาเรมเดซิเวียร์มาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ทั้งที่มีอาการรุนแรงและไม่รุนแรง
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าทีมงานของนายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 ที่เกาะกวม ในระหว่างที่นายมาร์คกำลังอยู่ในทริปการเดินทางเพื่อจะไปเยี่ยมเยียนประเทศในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกนับตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.forbes.com)
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 3,812,605ราย ติดเชื้อใหม่ 48,112 ราย เสียชีวิต 119,594 ราย เสียชีวิตใหม่ 868 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 980,405 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,829 ราย เสียชีวิต 16,914 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 110 ราย
ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อใหม่ 7,379 ราย ซึ่งสูงสุดเท่าที่มีการระบาดนับตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. ประเทศสเปนมีผู้ติดเชื้อ 3,829 ราย ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,462 ราย และประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,428 ราย
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,461,240 ราย ติดเชื้อใหม่ 76,665 ราย เสียชีวิตสะสม 62,713 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,019 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ส่วนที่ประเทศบังกลาเทศซึ่งมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,211 ราย และเสียชีวิตใหม่ 47 ราย ล่าสุดมีรายงานว่าบริษัทยาเอซิมโคฟาร์มาซูติคัลของประเทศบังกลาเทศได้ประกาศข้อตกลงที่จะลงทุนร่วมกับสถาบันวิจัยเซรุ่มของประเทศอินเดีย เพื่อจะสร้างความมั่นใจว่าประเทศบังกลาเทศสามารถที่จะเข้าถึงวัคซีนสำหรับไวรัสที่กำลังพัฒนาในเวลานี้ได้
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 868 ราย เสียชีวิตใหม่ 6 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 226 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
ขณะที่บริษัทโมเดอร์นาของสหรัฐฯได้ออกมาเปิดเผยว่า ณ เวลานี้บริษัทกำลังหารือกับทางประเทศญี่ปุ่นในการส่งมอบวัคซีนจำนวนมากกว่า 40 ล้านโดส ให้กับบริษัททาเคดะฟาร์มาซูติคัลของประเทศญี่ปุ่น ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศมาตรการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศญี่ปุ่นได้นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป โดยระบุว่า ณ เวลานี้สนามบินในประเทศญี่ปุ่นมีความสามารถในการตรวจผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศแล้ว
ขณะที่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 13 ราย เสียชีวิตใหม่ 3 ราย
ส่วนที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 371 ราย เสียชีวิตใหม่ 3 ราย
ล่าสุดมีรายงานการศึกษาจากประเทศเกาหลีใต้ระบุว่าเด็กนั้นอาจจะเป็นตัวการสำคัญในการเผยแพร่เชื้อไวรัสโดยที่ไม่รู้ตัว และยังพบข้อมูลจากการตรวจสอบทางพันธุกรรมอีกว่า เด็กที่ติดเชื้อส่วนมากจะพบเชื้อหลังจากผ่านไปแล้วประมาณ 17.6 วัน ซึ่งก็หมายความว่าเชื้อไวรัสนั้นจะสามารถอยู่ในในตัวเด็กซึ่งไม่แสดงอาการป่วยได้นานถึง 14 วัน
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 209,544 ราย ติดเชื้อใหม่ 3,999 ราย เสียชีวิตสะสม 3,325 ราย เสียชีวิตใหม่ 91 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 7,169 ราย เสียชีวิตใหม่ 105 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมและรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 10 ราย พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 41 ราย
ขณะที่ประเทศเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 620,132 ราย ติดเชื้อใหม่ 1,846 ราย เสียชีวิต 13,743 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 115 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 131 ราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 11 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่รัฐวิกตอเรีย 113 ราย และที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ 13 ราย
ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 12 ราย และที่ประเทศปาปัวนิวกินีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 29 ราย เสียชีวิต 1 ราย และที่ประเทศเฟรนช์ โพลีเนเซีย มีผู้ติดเชื้อ 67 ราย
ทำให้ ณ เวลานี้ภูมิภาคโอเชียเนียมีการระบาดรายวันสูงสุดอยู่ที่ 234 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage