อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า หรือโรคโควิด 19 ยอดสะสม 24.3 ล. -'สหรัฐฯ'ติดเชื้อเกิน 6 ล.-'CDC'ออกแนวทางใหม่ ไม่มีอาการป่วยไม่ต้องตรวจหาโควิด-'รัสเซีย'เล็งอนุมัติวัคซีนตัวที่ 2 ต้น ต.ค.นี้ - ผู้แทนการค้า 'อียู'ไขก๊อก หลังฝ่ามาตรการโควิด ร่วมงานเลี้ยง -'ดาวอส' ประกาศเลื่อนประชุมเศรษฐกิจหนีโควิดจาก ม.ค. 64 ไปช่วงฤดูร้อน- ล่าสุด 'พม่า'ติดเชื้อใหม่ 75 ราย
----------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 24,323,115ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 271,845 ราย เสียชีวิต 822,890ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 6,322ราย
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 6,000,365 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 44,637 ราย เสียชีวิต 183,653 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,289 ราย ทำให้สหรัฐฯยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 5,408 ราย
ขณะที่ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯหรือว่า CDC ได้เปลี่ยนแนวทางการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ใหม่ โดยระบุว่าผู้ที่ไม่มีอาการป่วย แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อเนื่องจากไปเข้าใกล้ผู้ที่ติดเชื้อรายอื่น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการตรวจเพื่อหาเชื้อโควิด 19 แต่อย่างใด จากเดิมที่ระบุว่าผู้ที่เข้าใกล้ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อในทุกกรณี
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงแนวทางการตรวจหาโรคของ CDC ได้สร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมาก เนื่องจากมองว่าผู้ติดเชื้อโควิด 19 มีโอกาสที่จะแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายก่อนที่จะแสดงอาการป่วยออกมา
ขณะที่ทางด้านของ นพ.แอนโทนี่ ฟาวซี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐฯ หนึ่งในคณะทำงานพิเศษเพื่อต่อต้านโรคระบาดของทำเนียบขาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจดังกล่าว เนื่องจากในช่วงเวลาที่มีการตัดสินใจนั้น เขากำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่
ส่วนทางด้านของ CDC ก็ได้ชี้แจงเบื้องต้นว่าการเปลี่ยนแปลงมาตรการตรวจเชื้อไม่ได้มาจากแรงกดดันจากทางทำเนียบขาวแต่อย่างใด
อ้างอิงวิดีโอจากสำนักข่าวซีบีเอส
นพ.ฟาวซี่กล่าวต่อไปว่าตัวเขาก็รู้สึกกังวลกับแนวทางใหม่ของซีดีซีเช่นกัน เนื่องจากจะทำให้สาธารณชนมีความเข้าใจที่ผิดว่าไม่ควรกังวลกับการแพร่เชื้อของผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ทั้งๆที่ข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการนั้นเป็นเรื่องที่ควรจะกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 3,722,004 ราย ติดเชื้อใหม่ 47,828 ราย เสียชีวิต 117,756 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,090 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 970,865 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,676 ราย เสียชีวิต 16,683 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 115 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆในประเทศรัสเซีย นางทาเทียน่า โกลิโคว่า รองนายกรัฐมนตรีด้านนโยบายสาธารณะ แรงงาน สาธารณสุข และบำนาญได้ออกมาเปิดเผยว่าวัคซีนซึ่งถูกพัฒนาโดยสถาบันไวรัสวิทยเวคเตอร์ ในภูมิภาคไซบีเรียจะประสบความสำเร็จในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งในช่วงปลายเดือน ก.ย. หรือประมาณต้นเดือน ต.ค. รัฐบาลรัสเซียก็จะอนุมัติให้ใช้งานวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนต้านโควิดตัวที่ 2 ของประเทศรัสเซียต่อจากวัคซีนสปุ๊ตนิก 5
ทั้งนี้มีรายงานว่าจะมีกำหนดการในการทดลองการรักษากับวัคซีนตัวนี้ในระยะที่ 3 หรือระยะทดลองอย่างมีประสิทธิภาพในกลุ่มอาสาสมัครจำนวนกว่า 40,000 ราย ใน 5 ประเทศทั่วโลก แต่ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าการทดลองระยะที่ 3 นั้นจะเริ่มต้นเมื่อไร
ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อใหม่ 5,429 ราย ประเทศสเปนมีผู้ติดเชื้อ 3,594ราย ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,367 ราย และประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,428 ราย
ขณะที่ประเทศไอร์แลนด์มีรายงานว่านายนายฟิล โฮแกน ผู้แทนการค้าของสหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว เนื่องจากถูกกดดันอย่างหนัก จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เขาได้ฝ่าฝืนมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโควิด 19 ด้วยการไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยสมาคมกอล์ฟออร์รีชแทช (Oireachtas Golf Society) ที่โรงแรมสเตชั่นเฮาส์ เมืองคลิฟเดน
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณวันที่ 21 ส.ค. นายดาร่า คัลเลียรี่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของประเทศไอร์แลนด์ซึ่งได้งานเลี้ยงนี้ก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน
นายฟิล โฮแกน ผู้แทนการค้าของสหภาพยุโรป (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.polishnews.co.uk/the-european-commission-trade-commissioner-phil-hogan-resigns-after-breaking-epidemic-restrictions/)
ส่วนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการออกแถลงการณ์เลื่อนการประชุมด้านเศรษฐกิจระดับโลก World Economic Forum ที่จะจัดขึ้นที่เมืองดาวอสในช่วงเดือน ม.ค. 2564 ออกไปเป็นช่วงฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.) 2564
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,307,749 ราย ติดเชื้อใหม่ 75,995 ราย เสียชีวิตสะสม 60,629 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,017 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ขณะที่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 25 ราย เสียชีวิตใหม่ 1 ราย
ส่วนที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 320 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 896 ราย เสียชีวิตใหม่ 8 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 236 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 202,361 ราย ติดเชื้อใหม่ 5,277 ราย เสียชีวิตสะสม 3,137 ราย เสียชีวิตใหม่ 99 ราย ทำให้ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดในอาเซียน
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 6,944 ราย เสียชีวิตใหม่ 86 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 6 ราย พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 76 ราย
ขณะที่ประเทศเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 5 รายเสียชีวิตใหม่ 2 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 615,701 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,684 ราย เสียชีวิต 13,502 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 194 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 156 ราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 24 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่รัฐวิกตอเรีย 149 ราย และที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ 6 ราย
ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย และที่ประเทศปาปัวนิวกินีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 43 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak,https://mainichi.jp/english/
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage