'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 24 ล. -'WHO' แจงตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงทั่วโลกยกเว้นอาเซียน-เมดิเตอร์ริเนียน ยังคงน่าเป็นห่วง-'ลูกชาย ปธน.บราซิล-อดีต ปธน.มัลดีล์ฟ' ทยอยติดโควิด-'ยุโรป'เจอติดเชื้อซ้ำหลังจากหายป่วย 2 ราย-'สวีเดน' พบผลตรวจโควิดผิดพลาด 3,700 ราย หลังใช้เครื่องตรวจจีน-บ.ญี่ปุ่น เคาะปีหน้าทดลองยาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด เผยผลทดลองสามารถยุติการแบ่งตัวไวรัสได้-ล่าสุด 'พม่า' ติดเชื้อใหม่ 30 ราย
------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค. 2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 24,042,689ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 239,685 ราย เสียชีวิต 822,499ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,827ราย
ขณะที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกประกาศว่าตัวเลขการแพร่เชื้อใหม่ ณ เวลานี้ในหลายพื้นที่ทั่วโลกมีจำนวนลดลง โดยเฉพาะในทวีปอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังคงน่ากังวลโดยเฉพาะในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และในพื้นที่ทะเลเมดิเตอร์ริเนียนแถบตะวันออก ซึ่งมีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงมาก
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 5,954,817 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 39,187 ราย เสียชีวิต 182,375 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,261 ราย ทำให้สหรัฐฯกลับมาเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลกอีกครั้งหนึ่ง
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐเท็กซัส มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 5,981ราย
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 3,674,176 ราย ติดเชื้อใหม่ 46,959 ราย เสียชีวิต 116,666 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,215 ราย
ล่าสุดมีรายงานว่านายฟลาวิโอ โบลโซนารู สมาชิกวุฒิสภาวัย 39 ปี และยังเป็นบุตรชายคนโตของนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิลถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 เช่นกัน แต่ว่าไม่มีอาการป่วยแต่อย่างใด
อ้างอิงวิดีโอจาก UOL
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 966,189 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,696 ราย เสียชีวิต 16,568 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 120 ราย
ล่าสุดมีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่านายเซอร์เก ซอบยานิน นายกรัฐมนตรีกรุงมอสโกได้รับวัคซีนสปุ๊ตนิก 5 แล้ว
ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อใหม่ 3,304 ราย ประเทศสเปนมีผู้ติดเชื้อ 2,415ราย ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 876 ราย และประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,455 ราย
ล่าสุดมีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 โดยเป็นการติดเชื้อซ้ำหลังจากที่หายป่วยแล้วจำนวน 2 รายในทวีปยุโรป โดยรายหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ประเทศเบลเยียม และอีกรายเป็นผู้ติดเชื้อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
ส่วนที่ประเทศสวีเดนมีรายงานจากผลตรวจของหน่วยงานสาธารณสุขพบว่ามีการรายงานผลตรวจโควิด 19 ที่ผิดพลาด สูงถึง 3,700 ราย โดยสาเหตุของการรายงานที่ผิดพลาดนั้นมาจากการใช้เครื่องตรวจหาเชื้อโควิด 19 ซึ่งมาจากบริษัท BGI Genomics ของประเทศจีน ที่ไม่สามารถแยกแยะไได้ระหว่างการมีเชื้อไวรัสที่ต่ำมาก กับการแสดงผลตรวจเป็นลบ
โดยนางคาริน เท็กมาร์ค ไวเซล หัวหน้าหน่วยงานด้านจุลชีววิทยาได้ออกมากล่าวโจมตีบริษัทผู้ผลิตว่าควรจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องตรวจให้ดีและเหมาะสมก่อนที่จะนำไปใช้งาน
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,231,754 ราย ติดเชื้อใหม่ 66,873 ราย เสียชีวิตสะสม 59,612 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,066 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ขณะที่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 19 ราย
ประเทศมัลดีล์ฟมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 135 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยล่าสุดพบว่านายอับดุลลา ยามีน อับดุล กายูม อดีตประธานาธิบดีมัลดีล์ฟ ติดเชื้อโควิด 19 ด้วยเช่นกัน
นายอับดุลลา ยามีน อับดุล กายูม อดีตประธานาธิบดีมัลดีล์ฟ (อ้างอิงรูปภาพจาก https://indianexpress.com/article/world/maldives-former-president-maumoon-abdul-gayoom-judges-charged-with-terrorism-5105466/)
ส่วนที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 280 ราย เสียชีวิตใหม่ 1 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 716 ราย เสียชีวิตใหม่ 8 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 182 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆในประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศซึ่งตกค้างอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 24,200 ราย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 สามารถเดินทางกลับประเทศตัวเองได้
ขณะที่ทางด้านของบริษัท Bonac Corp ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในเมืองฟูกุโอกะได้ประกาศว่าจะเริ่มทดลองยาที่จะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด 19 ได้ในช่วงปี 2564
ทางบริษัทได้เปิดเผยต่อไปว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เคยพัฒนายาประเภทกรดนิวคลีอิกจำนวนกว่า 72 รายการ และได้ทดสอบประสิทธิภาพยาเหล่านี้กับโรคในระบบทางเดินหายใจต่างๆอันมีที่มาจากไวรัสโควิด 19 โดยทางบริษัทได้ดำเนินกรทดลองร่วมกับสถาบันสุขภาพและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ฟูกุโอกะ ตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยผลการทดลองเบื้องต้นพบว่ายาสิบชนิดสามารถลดการแบ่งตัวของไวรัสได้ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่ายานี้มีผลต่อไวรัสโควิด 19
และต่อมาทีมวิจัยบริษัทก็ได้ลดจำนวนยาจาก 10 ชนิดเหลือแค่ 3 ชนิดที่น่าจะมีความเสถียรสูง และสามารถใช้ได้เพียงจำนวนน้อยในการรักษาโรคในร่างกายมนุษย์
โดยขั้นตอนต่อไป บริษัทจะคัดเลือกยาให้เหลือเพียงแค่ 1 ชนิดเท่านั้น เพื่อจะเอายาที่ว่านี้ไปทดลองการรักษาในร่างกายมนุษย์ในช่วงปี 2564
บริษัทกล่าวต่อไปด้วยยาที่ว่านั้นยังสามารถต่อยอดนำไปรักษาไวรัสเมอร์สและไวรัสซาร์สซึ่งมีความคล้ายคลีงกับไวรัสโควิด 19 และยังไม่มียาที่ได้ผลกับการรักษาอย่างแท้จริง
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 197,164 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,965 ราย เสียชีวิตสะสม 3,038 ราย เสียชีวิตใหม่ 34 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 6,858 ราย เสียชีวิตใหม่ 99 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมและผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 11 ราย พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 30 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. เป็นผู้ป่วยที่เกิดจากการระบาดในรัฐยะไข่จำนวน 25 ราย ผู้ป่วยที่เมืองย่างกุ้งจำนวน 4 ราย และเป็นผู้ป่วยจากต่างประเทศซึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐฯอีก 1 ราย
ขณะที่ประเทศเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 7 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 613,017 ราย ติดเชื้อใหม่ 1,567 ราย เสียชีวิต 13,308 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 149 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 151 ราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 8 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่รัฐวิกตอเรีย 148 ราย และที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ 3 ราย
ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 7 ราย และที่ประเทศปาปัวนิวกินีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 18 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak,https://mainichi.jp/english/
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage