'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 23 ล. ยอดตายทะลุ 8 แสน-'WHO'ออกคำแนะนำ เด็กอายุเกิน 12 ปีต้องใส่หน้ากาก คาดโรคระบาดยุติก่อน 2 ปี เผยสถานการณ์ที่'บราซิล'คงที่แล้ว-รบ.สหรัฐฯ จี้ เอกชนร่วมปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีดเตรียมวัคซีนพร้อมส่งทั่ว ปท.ก่อน 1 พ.ย. - รมต.กษ.ไอร์แลนด์ลาออกแล้วหลังฝ่าฝืนมาตรการร่วมงานเลี้ยง-'ทีมงานต้านไวรัสญี่ปุ่น'เคาะทีมแพทย์-คนแก่-ผู้มีโรคประจำตัวควรได้รับวัคซีนก่อน-ล่าสุด 'พม่า'เจอผู้ติดเชื้อใหม่ 20 รายที่รัฐยะไข่
---------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 22 ส.ค. 2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 23,096,231ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 246,068 ราย เสียชีวิต 802,307 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,769 ราย
ส่วนที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ได้ออกมากล่าวว่าเมื่อเทียบกับตอนที่มีการระบาดของไข้หวัดสเปนเมื่อปี 2461 การระบาดของไข้หวัดสเปนนั้นได้ยุติลงเมื่อเวลาผ่านไปได้ 2 ปี และในเวลานี้เรามีเทคโนโลยีและองค์ความรู้สำหรับหยุดสถานการณ์โรคระบาดที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นเขาก็หวังว่าการระบาดนี้จะยุติลงด้วยเวลาที่รวดเร็วกว่าการระบาดของไข้หวัดสเปนหรือด้วยเวลาไม่เกิน 2 ปี
นายเทดรอสกล่าวต่อไปว่าแม้ว่าวัคซีนจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการกับไวรัสแต่โรคระบาดก็จะยังไม่ยุติลงแม้จะมีวัคซีนแล้ว ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อให้การใช้ชีวิตประจำวันนั้นปลอดภัยสำหรับตัวเราและผู้อื่น
นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO (อ้างอิงวิดีโอจากไชน่าเดลี่)
มีรายงงานต่อไปด้วยว่าทาง WHO ได้ออกคำแนะนำว่าเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปควรที่จะสวมใส่หน้ากากไม่ต่างจากผู้ใหญ่ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด 19
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 5,794,922 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 48,650 ราย เสียชีวิต 179,142 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,112 ราย ทำให้สหรัฐฯกลับมาเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลกอีกครั้งหนึ่ง
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 6,169ราย
ส่วนสถานการณ์อื่นๆเกี่ยวกับปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีด หรือปฏิบัติการณ์การเร่งพัฒนาวัคซีนของสหรัฐฯ ล่าสุดมีรายงานว่านายเวส วีลเลอร์ ประธานผู้บริหารบริษัทขนส่งยูพีเอส (United Parcel Service) ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาปฏิบัติการณ์ ได้ออกมาระบุว่าวัคซีนนั้นจะต้องมีความพร้อมสำหรับแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐฯในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งทางทีมงานปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีดที่นำหน่วยงานอาทิกระทรวงเกษตร องค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (ซีดีซี)ก็กำลังเร่งทางบริษัทยาที่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการณ์นี้ให้ดำเนินการเพื่อให้มีวัคซีนพร้อมตามกำหนดการดังกล่าว
นายวีลเลอร์กล่าวต่อไปว่าวันที่ 1 พ.ย.นั้นถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญเป้าหมายแรกสำหรับบริษัทที่ทำงานภายใต้ปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีดที่จะต้องจัดเตรียมวัคซีนให้พร้อมสำหรับทีมแพทย์และโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ทางบริษัทยูพีเอสและบริษัทคู่ค้าอื่นๆจะทำการทดสอบการขนส่งวัคซีนทั่วทั้งประเทศสหรัฐฯต่อไป
สำหรับเป้าหมายหลักของปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีดนั้นจะเป็นการผลิตวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด 19 ให้ได้อย่างน้อย 300 ล้านโดสภายในเดือน ม.ค. 2564
ทั้งนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าสาเหตุที่ทางปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีดได้กำหนดให้วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันที่เริ่มการแจกจ่ายวัคซีนก็เนื่องมาจากว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า สหรัฐฯ จะมีวัคซีนก่อนวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 3,536,488 ราย ติดเชื้อใหม่ 31,391 ราย เสียชีวิต 113,454 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,031 ราย
แต่อย่างไรก็ตามทาง WHO ได้ออกมายืนยันว่าสถานการณ์การระบาดในประเทศบราซิลนั้นคงที่แล้ว
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 946,976 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,870 ราย เสียชีวิต 16,189 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 90 ราย
ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศสซึ่งมีผู้ติดเชื้อใหม่ 4,586 ราย ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 947 ราย และประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,737 ราย
ขณะที่ประเทศไอร์แลนด์มีรายงานว่านายดาร่า คัลเลียรี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของประเทศไอร์แลนด์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เขาได้ฝ่าฝืนมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโควิด 19 ด้วยการไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดโดยสมาคมกอล์ฟออร์รีชแทช (Oireachtas Golf Society) ที่โรงแรมสเตชั่นเฮาส์ เมืองคลิฟเดน
โดยงานเลี้ยงดังกล่าวนั้นมีผู้ร่วมงานมากกว่า 80 คน ซึ่งส่วนมากมาจากสมาชิกพรรครัฐบาลของไอร์แลนด์ และมีรายงานว่านายฟิล โฮแกน ผู้แทนการค้าของสหภาพยุโรป (EU) ก็ได้ไปร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วยเช่นกัน
นายดาร่า คัลเลียรี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของประเทศไอร์แลนด์ (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.thejournal.ie/golf-event-dara-calleary-5181529-Aug2020/)
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,973,368 ราย ติดเชื้อใหม่ 69,039 ราย เสียชีวิตสะสม 55,928 ราย เสียชีวิตใหม่ 953 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ขณะที่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 27 ราย และเสียชีวิต 2 ราย
ส่วนที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 324 ราย เสียชีวิต 2 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 1,043 ราย เสียชีวิตใหม่ 14 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 258 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
ล่าสุดมีรายงานว่า นพ.ชิเงรุ โอมิ หัวหน้าทีมเฉพาะกิจเพื่อต่อต้านการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวว่าเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมีทีมเฉพาะกิจได้ส่งคำแนะนำไปยังรัฐบาลให้ออกมาตรการกำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวเป็นคนกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด 19
นพ.โอมิกล่าวต่อด้วยว่าสถานการณ์การระบาดของประเทศญี่ปุ่นในระลอกใหม่นั้นผ่านจุดสูงสุดไปตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดใหม่พุ่งสูงขึ้นเป็นจำนวนมากขึ้นมาอีก เนื่องจากในบางพื้นที่ของญี่ปุ่นนั้นยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก และช่วงเดือนนี้ยังคงมีชาวญี่ปุ่นที่ยังคงท่องเที่ยวทั่วประเทศเนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลบง
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 182,365 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,786 ราย เสียชีวิตสะสม 2,940 ราย เสียชีวิตใหม่ 59 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 6,500 ราย เสียชีวิตใหม่ 82 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสมและผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 9 ราย พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 20 ราย โดยการระบาดใหม่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ประเทศพม่านั้นเกิดขึ้นในรัฐยะไข่ โดยมีกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 10 -69 ปี
รัฐยะไข่ (Rakhine) ของพม่า (อ้างอิงรูปภาพจากอัลจาซีร่า)
ขณะที่ประเทศเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 603,338 ราย ติดเชื้อใหม่ 3,398 ราย เสียชีวิต 12,843 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 225ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 180 ราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 9 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐวิกตอเรีย 179 ราย และในรัฐนิวเซาท์เวลส์ 1 ราย
ล่าสุดมีข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของวันที่ 22 ส.ค. ระบุว่ารัฐควีนส์แลนด์พบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 6 ราย จึงทำให้ทางรัฐควีนส์แลนด์ได้ออกมาตรการป้องกันการติดเชื้อแล้ว
ส่วนที่ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อใหม่ 11 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak,https://mainichi.jp/english/
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage