กก.เฉพาะกิจ ศบค. คลายล็อกกรุงเทพมหานคร จัดแข่งกีฬามีคนดู , โรงเรียน-สถาบันกวดวิชาเปิดสอนเต็มรูปแบบ พร้อมอนุญาตให้รถ-เรือโดยสารนั่งได้เต็มจำนวน เริ่ม 13 ส.ค.นี้ ขณะที่กรมการค้าภายใน ไฟเขียวขายเสรีหน้ากากอนามัย แต่ยังคุมราคา 2.50 บาทต่อชิ้น
...............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง และประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ได้ลงนามในหนังสือ ถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่องการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดโรคโควิดเพิ่มเติม
โดยระบุว่า ตามที่สำนักงานประสานงานกลางได้จัดการปะรชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เพื่อผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม และได้นำผลการประชุมรายงานให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา และเห็นชอบให้มีการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายสำหรับกิจกรรมที่ได้เปิดดำเนินการแล้วในห้วงเวลาที่ผ่านมาเพิ่มเติม ดังนี้ 1.ให้เปิดโรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ และสถาบันกวดวิชาแบบเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องสลับวันเรียน 2.ให้มีการแข่งขันกีฬาแบบมีผู้ชม และ 3.ให้ระบบขนส่งสาธารณะทั้งทางบกและทางน้ำมีจำนวนผู้โดยสารได้เต็มตามความจุมาตรฐานของพาหนะ ทั้งนี้ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.เป็นต้นไป
ขณะที่นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย ว่า กรมการค้าภายในได้ปรับแนวทางและหลักเกณฑ์การบริหารหน้ากากอนามัยทางกาแรพทย์ใหม่ โดยกำหนดให้ผู้ผลิตสามารถจำหน่ายได้ตามปกติ แต่ยังกำหนดให้ต้องปันส่วนขายให้กับรัฐ และต้องขายปลีกไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากสถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มคลี่คลาย อีกทั้งจำนวนโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยมีเพิ่มขึ้นจาก 9 โรงงาน เป็น 20 โรงงาน ทำให้มีศักยภาพการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 ล้านชิ้นต่อวัน ส่วนการส่งออกนั้นแม้จะเปิดเสรีแล้วแต่ยังต้องขออนุญาตตามระเบียบกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เช่นเดิม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/