อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า หรือโรคโควิดยอดสะสมล่าสุด 20.2 ล. -'ทรัมป์'ประกาศเลื่อนประชุมจี 7 หลังเลือกตั้ง ปธน. -ล่าสุดเจอกราดยิงข้างทำเนียบขาวระหว่าง 'ทรัมป์'แถลงข่าว -'อันโตนิโอ บันเดอรัส' ดาราฮอลลีวูดชื่อดังติดโควิด 19 ด้วย-หนุ่มสหรัฐฯวัย 21 ปีเล่า ประสบการณ์เฉียดตาย หายโควิดแล้ว เกือบ 1 เดือน เจอภาวะหัวใจล้มเหลว-ล่าสุด อสส.ญี่ปุ่น 66 เปอร์เซ็นต์รับไม่มั่นใจ มาตรการกันโควิดช่วงโอลิมปิก-พาราลิมปิก
-------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 11 ส.ค. 2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 20,231,240ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 202,207 ราย เสียชีวิต 737,649 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,091 ราย
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 5,246,076 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 44,430 ราย เสียชีวิต 166,090 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 467 ราย
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐฟลอริดา มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 8,118 ราย
ขณะที่ทำเนียบขาวมีรายงานว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้แถลงการณ์ว่าจะมีการเลื่อนการประชุมกลุ่มประเทศจี 7 อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 หลังจากที่ตัดสินใจไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกำหนดการคร่าวๆของการประชุมจี 7 ในครั้งถัดไปนั้น น่าจะเป็นช่วงเดือน พ.ย. หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯผ่านพ้นไปแล้ว
ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าวของนายทรัมป์ ปรากฎว่าได้มีเจ้าหน้าที่อารักขาประธานาธิบดีหรือตำรวจลับได้พาตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯออกไปจากห้องแถลงข่าว และเมื่อเวลาผ่านไปได้ประมาณ 8 นาที นายทรัมป์ได้กลับมายังห้องแถลงข่าว และกล่าวว่าเขาได้รับคำเตือนว่ามีเหตุกราดยิงที่ด้านนอกทำเนียบขาว ทางตำรวจลับจึงได้พาตัวเขาเข้าไปหลบภัยที่ห้องทำงานประธานาธิบดี แต่อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้สถานการณ์ได้ถูกควบคุมแล้ว โดยเขาต้องขอบคุณการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพของตำรวจลับ โดยผู้ที่ก่อเหตุกราดยิงนั้นถูกยิงโดยตำรวจลับของทำเนียบขาว และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว
อ้างอิงวิดีโอจากซีเอ็นเอ็น
ขณะที่นายอันโตนิโอ บันเดอรัส ดาราฮอลลีวูดชื่อดังได้ออกมาเปิดเผยผ่านอินสตราแกรมว่าตัวเขาติดไวรัสโควิด 19 และคงต้องฉลองวันเกิดวัย 60 ปี (10 ส.ค.) ในช่วงเวลที่เขากักตัวเอง
นายอันโตนิโอ บันเดอรัส ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.wavy.com/news/health/coronavirus/actor-antonio-banderas-tests-positive-for-covid-19/)
นอกจากนี้ยังมีรายงานเกี่ยวกับข้อมูลของอาการป่วยจากไวรัสโควิด 19 เพิ่มเติม โดยนายสเปนเซอร์ รอลลีสัน วัย 21 ปี ซึ่งติดโควิด 19 ในช่วงเดือน พ.ค.ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเขานั้นมีอาการป่วยที่เหมือนกับจะไม่รุนแรงในช่วง 2 วันแรก โดยมีแค่อาการไอกับไข้ขึ้นสูงเท่านั้น และพอเข้าถึงวันที่ 3 จนถึงสัปดาห์ที่ 2 เขาก็เริ่มจะมีอาการสูญเสียการรับรู้กลิ่น และต่อมาในวันที่ 21 พ.ค. เขาก็ได้รับผลตรวจเป็นลบ หรือก็คือไม่ติดเชื้อแล้ว
นายสเปนเซอร์กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามพอเขากลับไปใช้ชีวิตปกติ จนถึงวันที่ 11 มิ.ย. เขาก็มีอาการป่วยอีกครั้งหนึ่ง ด้วยอาการไข้ขึ้นสูงเป็นระยะเวลา 2 วัน และเขาก็หมดสติในระหว่างที่พยายามจะนัดกับแพทย์ทางออนไลน์ ส่งผลทำให้ต้องถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาล
นายสเปนเซอร์กล่าวว่าจากการวินิจฉัยอาการพบว่าเขาประสบภาวะอวัยวะล้มเหลวในหลายส่วนซึ่งรวมถึงสภาวะหัวใจล้มเหลว คล้ายกับว่าทั้งร่างกายของเขากำลังจะยุติการทำงาน ทั้งๆที่ก่อนหน้าที่จะติดไวรัสโควิด 19 เขาไม่เคยมีโรคประจำตัวหรือปัญหาสุขภาพเรื้อรังแต่อย่างใด
“บางอย่างในไวรัสได้ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผมอ่อนแอ ทำให้ผมมีอาการเหล่านี้ และท้ายที่สุดผมก็ประสบกับการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งตลอดเวลาที่ผมรักษาตัว ผมคิดว่าต้องตายแน่ๆ แต่เมื่อ 5 วันผ่านพ้นไป โรงพยาบาลก็ได้รักษาและปล่อยตัวผม” นายสเปนเซอร์กล่าว
นายสเปนเซอร์กล่าวทิ้งท้ายว่า ณ เวลานี้เขายังคงต้องรับประทานยาเกี่ยวกับความดันเลือดและยังคงต้องพบแพทย์อยู่เป็นระยะเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
ส่วนสถานการณ์ที่ประเทศเม็กซิโก มีผู้ติดเชื้อสะสม 480,278 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,376 ราย เสียชีวิต 52,298 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 292 ราย
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 3,057,470 ราย ติดเชื้อใหม่ 21,888 ราย เสียชีวิต 101,857 ราย เสียชีวิตใหม่ 721 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 892,654 ราย ติดเชื้อใหม่ 5,118 ราย เสียชีวิต 15,001 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 70 ราย
ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 2,267,153 ราย ติดเชื้อใหม่ 53,016 ราย เสียชีวิตสะสม 45,353 ราย เสียชีวิตใหม่ 887 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ส่วนที่ประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อใหม่ 49 ราย เป็นการระบาดจากต่างประเทศจำนวน 35 ราย และอีก 14 ราย เป็นการระบาดในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ขณะที่ เขตปกครองพิเศษฮ่องกง มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 69 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 839 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 197 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
ล่าสุดได้มีการทำแบบสำรวจออนไลน์เพื่อสอบถามกลุ่มอาสาสมัครซึ่งช่วยเหลือในงานจัดโอลิมปิกและกีฬาพาราลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น ที่ขณะที่มีจำนวนทั้งสิ้น 80,000 ราย
โดยพบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น 26,000 ราย และพบว่า 66.8 เปอร์เซ็นต์ของของผู้ที่ตอบแบบสอบถามยังคงมีความกังวลว่ารัฐบาลญี่ปุ่น รวมไปถึงผู้จัดงานจะไม่มีมาตรการที่เหมาะสมพอในป้องกันไวรัสโควิด 19 ในช่วงที่มีการจัดงานที่ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 136,638 ราย ติดเชื้อใหม่ 6,958 ราย เสียชีวิตสะสม 2,294ราย เสียชีวิตใหม่ 24 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 5,765 ราย เสียชีวิตใหม่ 42 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสม และผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 11 ราย กัมพูชามีผู้ติดเชื้อ 3 ราย พม่ามีผู้ติดเชื้อ 1 ราย และเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 6 รายและเสียชีวิต 4 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 563,598 ราย ติดเชื้อใหม่ 3,739 ราย เสียชีวิต 10,621 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 213ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 337 ราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 19 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐวิกตอเรีย 322 ราย และในรัฐนิวเซาท์เวลส์ 14 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage