พบโควิดเพิ่ม 10 รายมี 6 ทหารกลับจากฝึกฮาวายป่วยด้วย รวมป่วยสะสม 3,279 ราย แต่เหลือคนรักษาตัวใน รพ. 114 ราย 'นพ.ทวีศิลป์' ย้ำ ศบค.อนุมัติหลักการให้เอกชนนำแรงงานเข้าประเทศได้ แต่ต้องมีสถานที่กักตัวเป็นกลุุ่ม-ห้ามออกนอกพื้นที่ 14 วัน ส่วนโรงเรียนทั่วประเทศเหลือ 4 พันแห่งที่ต้องใช้วิธีสลับวันเรียน เพราะพื้นที่เล็ก-มีเด็กมาก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงาน ว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน ว่า วันนี้พบผู้ป่วย 10 รายกลับจากต่างประเทศ ผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,279 ราย หายป่วยแล้ว 3,107 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 114 และเสียชีวิตคงเดิม 58 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ เดินทางกลับมาจาก 5 ประเทศ ประกอบด้วย ซูดาน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย เยอรมัน 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย และสหรัฐอเมริกา 6 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มทหารที่เดินทางกลับมาจากการฝึกที่ฐานทัพฮาวาย และถึงไทยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยทั้งหมดได้เข้าพักในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ (State Quarantine)
ส่วนกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด และเข้าพักที่โรงแรมใน จ.ระยอง และกลุ่มสัมผัสความเสี่ยงสูง 12 คน จะครบกำหนดกักตัว 14 วัน ซึ่งได้มีการตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้งตามมาตรฐานการควบคุมโรค และได้รับการยืนยันผลตรวจล่าสุดว่าไม่พบเชื้อแต่อย่างใด
“อย่างไรก็ตามเวลานี้จะให้ยืนยันตัวเลขเป็นศูนย์ตลอดไม่ได้ แต่ต้องทำให้มั่นใจได้ว่าเรามีมาตรการที่จะจัดการได้ เหมือนกับกับไข้หวัดใหญ่ ตัวเลขไม่ได้เป็นศูนย์ แต่ต้องดูว่าเราสามารถควบคุมหรือดูแลกันอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการระบาด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์โลก วันนี้พบผู้ป่วยเพิ่มอีก 278,295 ราย รวม 15,651,911 ราย หายดีแล้ว 9,535,342 ราย เสียชีวิต 636,470 ราย สหรัฐอเมริกา ป่วยสะสม 4,169,991 บราซิล 2,289,951 ราย อินเดีย 1,288,130 ราย และรัสเซีย 795,038 ราย ขณะที่ไทยลงไปอยู่ในอันดับที่ 104
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาให้สถานศึกษาทั่วประเทศกลับเปิดการเรียนการสอนตามปกติแบบ 100% ว่า เรื่องของการศึกษาเป็นหัวข้อที่ ศบค.ชุดเล็กได้หารือกันทุกวัน โดยได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็น ปัจจุบันทราบว่าสถานศึกษานับหมื่นแห่งได้กลับมาเปิดเป็นปกติแล้ว เหลือเพียง 4,532 โรงเรียน ที่ยังไม่สามารถเปิดได้ปกติ และต้องใช้วิธีการสลับกลุ่มเรียนหรือสลับวันเรียนไปก่อน เนื่องจากแต่ละโรงเรียนมีบริบทที่แตกต่างกัน บางแห่งพื้นที่เล็ก บางแห่งมีเด็กมาก โดยระหว่าง ศบค.ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำและประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับความพร้อมในการเปิดเรียนได้ปกติต่อไป
โฆษก ศบค.กล่าวย้ำด้วยว่า ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาการประชุม ศบค.คณะใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ประชุมอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ ผู้ประกอบการสามารถนำแรงงานต่างด้าว หรือแรงงานไร้ฝีมือกลับเข้ามาทำงานในประเทศได้ แต่ต้องมีการจัดเตรียมสถานที่กักตัว และห้ามออกนอกพื้นที่ 14 วัน โดยกลุ่มนี้จะให้กักตัวเป็นกลุ่ม หรือ Organizational Quarantine เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และยังคงประสิทธิภาพในการควบคุมโรคได้
“เราคุ้นเคยกับ Local และ State Quarantine ที่มีการกักตัวคนเดียวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ แต่กรณีดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000 บาทต่อคน ศบค.จึงได้พิจารณาหามาตรการที่จะลดค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคกับแรงงานไร้ฝีมือที่จะเข้ามาทำงานในไทย ทั้งนี้คาดว่า การดำเนินการแบบ Organizational Quarantine ที่เอกชนต้องเตรียมสถานที่ให้แรงงานกักตัวเป็นกลุ่ม ห้ามออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดลงเหลือประมาณ 10,000 บาทต่อคน ทั้งนี้หากเอกชนรายใด มีความต้องการจะนำแรงงานเข้ามาในประเทศไทย ขอให้ประสานงานกับกระทรวงแรงงาน และ ศบค. เพื่อจะได้เป็นกรณีศึกษาในการบริหารจัดการเรื่องนี้ และจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในแต่ละพื้นที่ต่อไป” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/