เปิดคำสั่ง ปปง.อายัดเงินสด 38 ล้าน คดีนักธุรกิจลาวกับพวก ลักลอบขนออกจากไทยหลังซุกซ่อนในช่องลับรถยนต์ คาด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพ จ.หนองคาย อ้างได้มาจากค้าขาย-รับแลกเปลี่ยนเงินตรา เหตุเกิด ต.ค. 2561
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2563 คณะกรรมการธุรกรรม สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) มีคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.57 /2563 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว ราย นางไหมดี แก้ววงสา กับพวก กรณีลักลอบนําเงินตราออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 38 ล้านบาท เหตุที่ด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 จ.หนองคาย มีรายละเอียดดังนี้
สํานักงาน ปปง. ได้รับรายงานจากด่านศุลกากรหนองคาย ตามหนังสือที่ กค 0502(12)/6988 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2561 เรื่อง รายงาน การจับกุมการลักลอบนําเงินตราออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์ แห่งการกระทําความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 เวลาประมาณ 20.30 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ศุลกากรด่านศุลกากรหนองคาย ได้ตรวจพบรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน คว 9889 กําแพงนคร กําลังจะข้ามด่านพรมแดน สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 โดยมีชายเป็นผู้ขับรถยนต์และมีหญิงจํานวน 2 คน นั่งมาในรถยนต์คันดังกล่าว ขณะที่รถยนต์คันดังกล่าวกําลังขับผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองและขับผ่านจุดตรวจศุลกากรจุดสุดท้าย พร้อมยื่นเอกสาร (ใบขนสินค้าพิเศษ) คืนให้เจ้าหน้าที่พร้อมเคลื่อนรถเพื่อออกนอกราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่ ชุดปราบปรามด่านศุลกากรหนองคาย ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจําด่าน ได้เรียกให้หยุดเพื่อขอทําการตรวจค้น ก่อนตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้สอบถามบุคคลทั้งสามว่ามีของต้องสําแดง ของต้องห้าม หรือต้องกํากัด ออกนอกราชอาณาจักรหรือไม่ แต่บุคคลทั้งสามแสดงสีหน้าเป็นกังวล โดยไม่ยอมตอบคําถามของเจ้าหน้าที่ ศุลกากร และจากการตรวจค้นพบธนบัตรไทยเก็บไว้ในช่องลับของเบาะหลังรถยนต์ จํานวน 28 ล้านบาท และพบธนบัตรซุกซ่อนไว้ในช่องลับของตู้ลําโพงในกระโปรงหลังรถ อีกจํานวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลักลอบ นําเงินตราออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
(ภาพเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายตรวจยึดเงินสดกว่า 38 ล้านบาท ภายในรถเก๋งคัมรี่ของชาวลาว /อ้างอิงภาพจากhttps://mgronline.com/local/detail/9610000101900)
จากการสอบถามทราบว่าคนขับชื่อท้าวสมหวัง แก้วบุญเฮือง อายุ 30 ปี ถือหนังสือผ่านแดน (Border Pass) ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เลขที่ 89414/18 และผู้โดยสารที่นั่งคู่มากับคนขับชื่อนางเทพพะสอน แก้วบุญเฮือง อายุ 34 ปี ถือหนังสือผ่านแดน (Border Pass) ของ สปป.ลาว เลขที่ 85426/18 และผู้ที่โดยสารเบาะหลังชื่อนางไหมดี แก้ววงสา อายุ 66 ปี ถือหนังสือผ่านแดน (Border Pass) ของ สปป. ลาว เลขที่ 39674/18 โดยบุคคลทั้งสาม แจ้งว่าเงินของกลางดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนางไหมดี แก้ววงสา จํานวน 30 ล้านบาท เป็นของนางเทพพะสอน แก้วบุญเฮือง จํานวน 4 ล้านบาท และเป็นของท้าวสมหวัง แก้วบุญเฮือง จํานวน 4 ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าว เป็นเงินที่บุคคลทั้งสามได้มาจากการทําธุรกิจค้าขายสินค้าประเภทของสด ของแห้ง รวมทั้งธุรกิจแลกเปลี่ยน เงินตราในนครหลวงเวียงจันทน์ โดยได้เก็บสะสมมาระยะหนึ่งจึงนําเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเข้ามาแลกเปลี่ยน และรวบรวมนําเงินทั้งหมดกลับไป สปป.ลาว โดยไม่ได้ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย แต่อย่างใด ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลักลอบนําเงินตราไทยออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 มาตรา 252 และมาตรา 165 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบ มาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พุทธศักราช 2485 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (7) และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านางไหมดี แก้ววงสา กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดดังกล่าว
คำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรมระบุว่าปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า นางไหมดี แก้ววงสา กับพวก มีพฤติการณ์แห่งการกระทําอันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (7) และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือเป็นผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง หรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และจากการตรวจสอบข้อมูล การทําธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด รวมทั้งจากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่า บุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด จํานวน 1 รายการ พร้อมดอกผล
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคําสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว จํานวน 1 รายการ พร้อมดอกผล คือ เงินสด จํานวน 38,000,000 บาท ( ผู้ครอบครอง นางไหมดี แก้ววงสา นางเทพพะสอน แก้วบุญเฮือง ท้าวสมหวัง แก้วบุญเฮือง มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน นับตั้งแต่วันที่ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2563 ถึงวันที่ 6 กันยายน 2563
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า กรณีการขนเงินออกนอกประเทศ 38 ล้านบาทของกลุ่มชาวลาว เคยตกเป็นข่าวเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2561 มีคดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ เดือน มิใย.2561 ปปง.อายัดเงินสด มูลค่ากว่า 98 ล้าน บาท ของท้าวสุบัน เตียสิริ กับพวกที่ลักลอบนำออกจากไทยที่ด่านพรมแดน จ.หนองคาย มาแล้ว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage