'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดสะสม 11.9 ล้าน 'สหรัฐฯ' เริ่มกระบวนการออกจาก 'WHO' 'ไบเด้น' คู่แข่ง 'ทรัมป์' ยันกลับเข้าเป็นสมาชิกอีกรอบหากได้รับการเลือกตั้ง ล่าสุด สหภาพพยาบาลเตือน รพ.'สหรัฐฯ'เสี่ยงเจอสภาวะชุดพีพีอีขาดแคลน - 'เซอร์เบีย' ประท้วงวุ่น ต้านคำสั่ง ปธน.ปิดเมือง-ล่าสุด ผอ.สธ.อิสราเอล ประกาศลาออก หลังยอดติดเชื้อพุ่ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. 2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 11,937,388 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 203,357 ราย เสียชีวิต 545,505 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,365 ราย
ส่วนสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 3,093,772 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 52,130 ราย เสียชีวิต 133,858 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 879 ราย
โดยรัฐเท็กซัสเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดอยู่ที่ 8,318 ราย
ส่วนสถานการณ์อื่นๆในสหรัฐฯ มีรายงานว่า สหรัฐฯได้เริ่มกระบวนการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO อย่างเป็นทางการแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางนายโจ ไบเด้น คู่แข่งเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ประกาศว่าตัวเขาจะนำประเทศกลับเข้าเป็นสมาชิก WHO อีกครั้ง หากได้รับการเลือกตั้ง
นายโจ ไบเด้น คู่แข่งเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (อ้างอิงรูปภาพจาก https://time.com)
ขณะที่สหภาพการพยาบาลแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ณ เวลานี้ สหรัฐฯ กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนชุดป้องกันการติดเชื้อหรือชุดพีพีอี และหน้ากากแบบ N95 อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยประสบปัญหาดังกล่าวมาแล้วในช่วงต้นของการระบาดในสหรัฐฯ เดือน มี.ค.
เนื่องจากตัวเลขผู้ป่วยในสหรัฐฯมีจำนวนที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายแห่งจำเป็นต้องนำอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อมาใช้ซ้ำ เพราะว่ามีอุปกรณ์ไม่เพียงพอ
ส่วนที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย นางไคชา แลนซ์ บ็อตตอมส์ นายกเทศนตรีเมืองแอตแลนต้า ที่ก่อนหน้านี้ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 ได้ออกมาวิจารณ์นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯว่าใช้มาตรการเปิดเมืองที่รุนแรงและเร็วเกินไป
ขณะที่นายทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเขาเชื่อว่าสถานการณ์ในสหรัฐฯจะกลับมาดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้ และยังกล่าวด้วยว่าตัวเขาไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของ นพ.แอนโธนี่ ฟาวซี่ แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของสหรัฐฯที่คัดค้านไม่ให้เขาเดินทางข้ามประเทศสหรัฐฯ เพราะก่อนหน้านี้ นพ.แอนโธนี่ ฟาวซี่ แอนโธนี เฟาซี เคยพูดสิ่งที่ย้อนแย้งกันอยู่ 2-3 ประการ เช่น บอกว่าอย่าใส่หน้ากาก แต่ตอนนี้กลับมาแนะนำให้ใส่หน้ากาก หรืออย่าเพิ่งแบนประเทศจีนในช่วงแรกของการระบาดเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเขาก็ไม่ได้ฟังคำแนะนำของ นพ.เฟาซีทั้งหมด และตัดสินใจเริ่มแบนประเทศจีนตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาด
ส่วนหน่วยงานรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินของ WHO ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เริ่มพบหลักฐานที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆว่า เชื้อโควิด 19 มีความสามารถในการแพร่เชื้อแบบละอองไปในอากาศหรือแบบ Airborne
สำหรับสถานการณ์โควิด ที่ประเทศเม็กซิโก มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 261,750 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 4,902 ราย เสียชีวิต 31,119 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 480 ราย
ทวีปอเมริกาใต้ บราซิล มียอดผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ของทวีปและเป็นอันดับ 2 ของโลก จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 1,674,655 ราย ติดเชื้อใหม่ 48,584 ราย เสียชีวิต 66,868 ราย เสียชีวิตใหม่ 1,312 ราย ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของโลก
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 694,230 ราย ติดเชื้อใหม่ 6,368 ราย เสียชีวิต 10,494 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 198 ราย
ขณะที่สถานการณ์โดยรวมในทวีปยุโรปนั้นพบว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 11,647 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมของทวีปยุโรปอยู่ที่ 2,504,677 ราย
ส่วนที่ประเทศเซอร์เบีย ได้เกิดกรณีการประท้วงที่หน้าทำเนียบประธานาธิบดี เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่ อาเล็กซานดาร์ วูชิช ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ได้ประกาศใช้มาตรการปิดเมืองที่กรุงเบลเกรด เนื่องจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศมีจำนวนพุ่งสูงขึ้น โดยล่าสุดเซอร์เบียมีผู้ติดเชื้อใหม่อยู่ที่ 299 ราย และผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 16,719 ราย
บรรยากาศการประท้วงที่กรุงเบลเกรด (อ้างอิงิดีโอจากช่อง Radio Free Europe/Radio Liberty)
ทวีปเอเชียอินเดีย ยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 743,481 ราย ติดเชื้อใหม่ 23,135 ราย เสียชีวิตสะสม 20,653 ราย เสียชีวิตใหม่ 479 ราย
ขณะที่ ประเทศอิสราเอล มีรายงานว่า นางเซกัลป์ ซาเดตสกี (Siegal Sadetzki) นักระบาดวิทยา และผู้อำนวยการหน่วยงานสาธารณสุขสาธารณะของอิสราเอลได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากที่ประเทศอิสราเอลประสบกับปัญหาการปลดล็อกที่เร็วเกินไปจนทำให้มีการระบาดกลับมาอีกครั้ง
โดยปัจจุบันอิสราเอลมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,473 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 32,222 ราย ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่องนั้นทำให้ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราต้องประกาศใช้มาตรการปิดสถานที่ อาทิ บาร์ โรงยิม และสถานที่จัดอีเวนท์ต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง
นางเซกัลป์ ซาเดตสกี (Siegal Sadetzki) นักระบาดวิทยา และผู้อำนวยการหน่วยงานสาธารณสุขสาธารณะของอิสราเอล (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.timesofisrael.com/)
สำหรับ ประเทศจีน มีการระบาดใหม่จำนวน 8 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่จากต่างประเทศทั้งหมด
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 211 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 106 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในกรุงโตเกียว
ขณะที่ทางการกรุงโตเกียวได้ออกประกาศขอให้ประชาชนงดเว้นการเดินทางข้ามเขตแล้ว
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน นั้น อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ในภูมิภาค มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 66,226ติดเชื้อใหม่ 1,268 ราย เสียชีวิตสะสม 3,309 ราย เสียชีวิตใหม่ 68 ราย ทำให้อินโดนีเซีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสะสม และผู้เสียชีวิตรายใหม่สูงที่สุดในอาเซียน
ที่ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 1,540 ราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่สูงที่สุดในอาเซียน
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 6 ราย
ทวีปแอฟริกาประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 215,855ราย ติดเชื้อใหม่ 10,134 ราย เสียชีวิต 3,502 ราย เสียชีวิตรายใหม่ 192 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวในภูมิภาคโอเชียเนีย ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 199 ราย
โดยเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐวิกตอเรีย 191 ราย รัฐนิวเซาท์เวลส์ 7 ราย
ขณะที่ประเทศนิวซีแลนด์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage