อภิปรายเงินกู้วันที่สาม หลายฝ่ายหนุนตั้ง กมธ.วิสามัญตเกาะติดการใช้งบแก้ปัญหาโควิด 'สาธิต'เตือนรัฐบาล ระวังจังหวัดฮั้วผู้รับเหมา รื้อโครงการเก่ามาเสนอ 'ก้าวไกล-เพื่อไทย' ประสานเสียงแผนฟื้นเศรษฐกิจยังไร้ทิศทาง ไม่มีรายละเอียด ห่วงเสียโอกาสพัฒนาประเทศ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่สาม ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พ.ร.ก. 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท โดยที่ประชุมยังให้น้ำหนักกับการอภิปราย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท พร้อมเสนอให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อร่วมตรวจสอบการใช้งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ครั้งนี้โดยเฉพาะ
@ระวังจังหวัดฮั้วกับผู้รับเหมา-หยิบโครงการเก่ามาปัดฝุ่น
นายสาธิต วงศ์หนองเตย ส.ส.ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกำหนดรายละเอียดใน พ.ร.ก.ไว้กว้างๆ และมีเพียงการกำหนดแนวทางปฏิบัติให้แต่ละจังหวัดเสนอโครงการไม่เกิน มิ.ย.อาจทำให้เกิดปัญหา
“ขอให้ระวังอย่าให้เกิดปัญหาจังหวัดฮั้วกับผู้รับเหมา หรือนำโครงการเก่ามาปัดฝุ่น ซึ่งผมคำนวณดูแล้ว 4 แสนล้านบาท จะทำให้แต่ละจังหวัดมีงบประมาณ 5 พันกว่าล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงและเสี่ยงมาก” นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวด้วยว่า รัฐบาลควรเห็นด้วยและสนับสนุนให้สภาตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อเข้ามาตรวจสอบรายละเอียด และทำงานคู่ขนานกับคณะกรรมการกลั่นกรองของรัฐบาล เพราะข้อกำหนดใน พ.ร.ก.บอกให้รัฐบาลรายงานต่อสภาภายใน 60 วันหลังสิ้นปีงบประมาณ หรือหมายถึงรายงานต่อสภาปีละ 1 ครั้ง ถือว่าน้อยมากและไม่เพียงพอ
@เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจไร้ทิศทางที่ชัดเจน
นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.เพื่อไทย กล่าวว่า การใช้เงินกู้ก้อนนี้ต้องมีทิศทางที่ชัดเจนและแม่นยำ ถ้า พ.ร.ก.ฉบับนี้มีแค่การวางกรอบแผนงานไว้แบบกว้างๆ มีเอกสารไม่กี่หน้า ไม่ได้อธิบายรายละละเอียดที่ชัดเจน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้มีความพร้อมในการวางยุทธศาสตร์การฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมีรูปธรรม และถือเป้นความหละหลวมล้มเหลวตั้งแต่เริ่มคิดโครงการ
“ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส ขอให้รัฐบาลพลิกวิกฤติโควิด ให้เป็นโอกาสของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ใช่โอกาสในการสร้างความมั่งคั่งและความมั่นคงให้กับรัฐบาล” นางสาวจิราพร กล่าว
@ ติงเงินกู้มีแต่กรอบ-ไร้เป้าหมาย จี้ตั้ง กมธ.ดูงบ
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.ก้าวไกล กล่าวถึงการแผนงานการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มีแต่การกำหนดกรอบไว้กว้างๆ แต่ไม่มีความชัดเจนทั้งในเรื่องรายละเอียดโครงการ หรือเป้าหมายที่คาดหวังจะให้เกิดขึ้นหลังจากกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว โดยยกตัวอย่างปี 2552 ที่มีการดำเนินการโครงการไทยเข้มแข็ง ที่มีการกู้เงินเช่นกัน แต่ก็ได้กำหนดเป้าหมายการทำงานไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการดำเนินการไม่ได้ผลสำเร็จตามเป้าหมาย ก็ได้มียุติและเลิกไปในที่สุด
“ครั้งนั้นประเทศเราตั้งเป้าไว้ชัดเจน สุดท้ายก็ยังพลาดเป้า แต่รัฐบาลนี้ไม่มีแม้กระทั่งเป้าหมาย แล้วสุดท้ายเราจะประเมินกันอย่างไรว่าโครงการประสบความสำเร็จหรือไม่” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ ต้องพิจารณาเป้าหมายของแต่ละโครงการที่จะเสนอมาอย่างถี่ถ้วน เพราะหลายโครงการในอดีตก็ตั้งเป้าให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ และครั้งนี้ควรมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อให้สภาเข้ามาช่วยตรวจสอบการใช้งบประมาณทั้งหมด
@เปิดอุทธณ์เยียวยาเกษตรกรถึง 5 มิ.ย.
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า การจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท 3 เดือนเพื่อชดเชยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด โดยจนถึงวันนี้ได้โอนเงินไปแล้ว 6.3 ล้านคน และพบว่าเกษตรกรกว่า 2 แสนคนไม่มีเลขบัญชี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานระดับอำเภอ เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเข้าถึงเกษตรกรทุกกลุ่มโดยเร็ว
เช่นเดียวกับเกษตรกรที่เข้าไม่ถึงเทคโนโลยี ก็ได้มีการประสานอาสาสมัครหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบ ก่อนส่งต่อให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการจ่ายเงินทันที ทั้งนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ไม่มีอะไรทำได้ 100% ทุกเรื่อง จึงได้เปิดให้มีการอุทธรณ์ได้ถึง 5 มิ.ย.นี้
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage