คุก 32 ปี 6 ด.! อดีตหัวหน้าคลังอบต.นาด้วง เบียดบังเงินหลวง-เจ้าตัวอุทธรณ์สู้คดีต่อ

ป.ป.ช. เผยแพร่ผลคดีชี้มูลความผิด อดีตหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.นาด้วง จังหวัดเลย เบียดบังเงินหลวงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุก 13 กระทง รวม 65 ปี รับสารภาพลดเหลือ 32 ปี 6 ด.-เจ้าตัวติดต่อแจ้งคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด อุทธรณ์สู้ต่อ

picsan421 5 63

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา อดีตหัวหน้าส่วนการคลังองค์การบริหารส่วนตำบลนาด้วง จังหวัดเลยรายหนึ่ง ในฐานความผิดเบียดบังเงินขององค์การบริหารส่วนตำบลนาด้วงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 , 157 และมาตรา 161 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาว่า จำเลยเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 , 157 และ 161 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันเรียงกระทงลงโทษ มาตรา 147 , 157 และ 161 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 147 ที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 13 กระทง รวมจำคุก 65 ปี

จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 32 ปี 6 เดือน

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุดจะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4

ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 161 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ได้รับการติดต่อจาก นาง ป. อดีตหัวหน้าส่วนการคลังคนดังกล่าว โดยชี้แจงว่าปัจจุบันคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด และอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์

สำนักข่าวอิศรารายงานว่าการต่อสู้คดีนี้ในชั้นศาลนั้นถือว่ายิ่งไม่ถึงที่สุด ดังนั้น ณ บัดนี้จึงถือว่าจำเลยยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

Papaweet