'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสมเฉียด 4.8 ล้าน -ธนาคารกลางสหรัฐฯประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจ ลากยาวถึงช่วงปลายปี 64 -'อังกฤษ 'อัดฉีด 3 พันล้านพัฒนาวัคซีน-'บราซิล' ตายพุ่งอันดับ 2 โลก รพ.ไม่มีที่ว่างรักษาคนไข้ ระบบสาธารณสุขเซาเปาโลจ่อล่มสลายใน 2 สัปดาห์ -เกาหลีใต้ เร่งตรวจหาเชื้อทหารเกณฑ์ปลดประจำการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 18 พ.ค.2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meters รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 4,799,266 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 82,257 ราย มีผู้เสียชีวิต 316,519 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3,617 ศพ
โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,526,611 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,838 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 90,968 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 855 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสม สูงที่สุดในโลก
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก ยังคงเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 355,037 ราย และมีผู้เสียชีวิต 28,168 ศพ
ขณะที่ นายอีริก ทรัมป์ ลูกชายคนที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ไวรัสนี้จะหายไปอย่างน่าอัศจรรย์หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือน พ.ย. ซึ่งหลังจากช่วงเวลานั้น ไวรัสจะไม่ได้ถูกนำมาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ทางการเมืองในประเทศแล้ว
การให้สัมภาษณ์ของนายอีริก ทรัมป์ กับสำนักข่าวฟอกซ์นิวส์ (อ้างอิงวิดิโอจากผุ้อัปโหลด Sara Farge)
ส่วนนายปีเตอร์ เนอร์วาโร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ได้ออกมาวิจารณ์การทำหน้าที่ของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อหรือซีดีซีว่า ทำหน้าที่ล้มเหลวในช่วงการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด 19 ในสัปดาห์แรกๆของการระบาด
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ออกมาประเมินว่าระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เสียหายจากโรคโควิด-19 นั้นอาจจะไม่ฟื้นตัวไปจนถึงในช่วงปลายปี 2564
สำหรับสถานการณ์รอบโลกนั้น ที่ประเทศรัสเซีย มีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 281,752 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9,709 ราย มีผู้เสียชีวิต 2,631 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 94 ศพ ทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อใหม่สูงเป็นอันดับหนึ่งในยุโรป และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ
ที่อังกฤษ มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 243,695 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,534 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 34,636 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 170 ราย ซึ่งตัวเลขผู้เสียชีวิตของอังกฤษนั้นถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่อังกฤษได้บังคับใช้มาตรการปิดเมือง
โดยนายเอล๊อก ชาร์มา รัฐมนตรีว่าการธุรกิจของประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลการทดลองวัคซีนรักษาไวรัสว่า มีความคืบหน้าในเรื่องนี้มากที่สุดและจะได้สิทธิเข้าถึงวัคซีนก่อนประเทศใดในโลก โดยการทดลองวัคซีนในระดับการรักษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดมีผลออกมาในทางบวกและแสดงให้เห็นความคืบหน้าที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลอังกฤษจะอัดฉีดเงินเพิ่มเติมอีก 84 ล้านปอนด์ (3,256,801,800 บาท) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้อัดฉีดเงินไปแล้วกว่า 47 ล้านปอนด์ (1,822,357,321 บาท) ในการสนับสนุนการพัฒนาไวรัสของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งรัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการอัดฉีดเงินนั้นจะทำให้การพัฒนาไวรัสรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายเอล๊อกกล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนนั้น จะมีการทดลองระดับการรักษาในช่วงกลางเดือน มิ.ย. และคาดว่าจะมีการทดลองรักษาในกลุ่มคนหมู่มากช่วงเดือน ต.ค. นี้
ส่วนสถานการณ์ในเอเชียนั้น ที่สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 28,038 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 682 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 22 ศพ และไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่ ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 682 ราย ยังคงเป็นแรงงานต่างชาติ 673 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 17,514 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 489 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 1,148 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 59 ศพ ทำให้อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตสะสมและรายวันสูงสุดในอาเซียน
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 12,513 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 208 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 824 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 7 ศพ
ที่มาเลเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 6,894 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 22 ราย มีผู้เสียชีวิต 113 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่
ทางด้านประเทศจีน มีรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 82,947 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม4,633 ราย และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่
ที่อินเดียมีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 95,698 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,050 ราย มีผู้เสียชีวิต 3,025 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 154 ศพ ล่าสุดอินเดียได้ขยายมาตรการปิดเมืองทั่วประเทศไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค.
ส่วนที่เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 11,050 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 262 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ ซึ่งผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมดนั้นเป็นผู้ที่เคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่ไนท์คลับในย่านอิแทวอน
ขณะที่ศูนย์ควบคุมโรคเกาหลีใต้ เปิดเผยว่าจะดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในหมู่ทหารเกณฑ์ที่หมดวงรอบการประจำการ โดยจะใช้เวลาในการทดสอบรวมทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ คาดว่าจะตรวจหาเชื้อโควิด 19 ได้อย่างน้อย 6,300 ครั้ง
ที่ญี่ปุ่น มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 16,187 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 25 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 752 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 6 ศพ
โดยในจังหวัดโอซาก้า มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่เป็นศูนย์ ครั้งแรกในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา และได้อนุญาตให้ธุรกิจต่างๆ อาทิโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร สามารถเปิดทำการได้แล้ว นับตั้งแต่เวลา 8.00 น.-22.00 น.
ที่อิหร่าน มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 120,198ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,806 รายมีผู้เสียชีวิต 6,988 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 51 ศพ นอกจากนี้มีรายงานว่าทางเกาหลีใต้ได้ส่งชุดตรวจคิดเป็นมูลค่ารวม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (32,070,000 บาท) ให้กับประเทศอิหร่านแล้ว
สำหรับสถานการณ์ในยุโรป นั้น ประเทศสเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 277,719 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 1,214 ราย มีผู้เสียชีวิต 27,650 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 87 ศพ
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 225,435 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 675 ราย มีผู้เสียชีวิต 31,908 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 145 ศพ
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 179,569 ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 204 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 28,108 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 483 ศพ ทำให้ตอนนี้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงอันดับ 3 ของโลก
สำหรับสถานการณ์ที่เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อสะสม 176,651ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 407 ราย มีผู้เสียชีวิต 8,049 ศพ และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 22 ศพ
ส่วนสถานการณ์ในบราซิลนั้น มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 241,080 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,938 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 16,118 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 485 ศพ ทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตใหม่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
โดยมีรายงานว่านายบรูโน โควาส นายกเทศมนตรีเมืองเซาเปาโลซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศบราซิล ได้ออกมาประกาศว่า โรงพยาบาลในกรุงเซาเปาโลมีคนไข้ฉุกเฉินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่โรงพยาบาลจะสามารถรับได้ทั้งหมดแล้ว และภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ ระบบสาธารณสุขของเซาเปาโลอาจจะล่มสลาย เพราะโรงพยาบาลไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับคนไข้ฉุกเฉินที่เข้ามารักษาตัว
ปัจจุบัน เมืองเซาเปาโลมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้ว เกือบ 3,000 ศพ
เรียบเรียงจาก:,https://www.theguardian.com/world,https://www.bbc.com/news,https://mainichi.jp/english/,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://covid19japan.com/,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.straitstimes.com/singapore,https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.themoscowtimes.com/,http://www.arirang.com/News/News_Index.asp
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage