'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุด 4.2 ล. 'ทรัมป์'ประกาศชัยชนะศัตรูที่มองไม่เห็น แม้ยอดตายรายวันทะลุพัน เตรียมอัดฉีดเงิน 3 แสนล้าน ปูพรมตรวจทั่วปท. - 'ปูติน'อนุญาตให้แรงงานบางส่วนกลับเข้าทำงานได้ แม้ตัวเลขระบาดรายวันเกินหมื่น - แรงงานต่างชาติ 'สิงคโปร์' ติดเชื้อเพิ่ม 481 ราย - 'อู่ฮั่น' เจอใหม่ 5 ราย หลังไล่ตรวจ 10 วันติด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ค.2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meters รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 4,252,218 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 74,121 ราย มีผู้เสียชีวิต 287,123 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3,389 ศพ
โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,385,798 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,160 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 81,790 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,003 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสม สูงที่สุดในโลก
ที่ทำเนียบขาว ได้มีการออกมาตรการให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาทำงานต้องสวมใส่หน้ากากทุกราย หลังจากมีการตรวจพบทหารติดตามของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเลขานุการด้านสื่อมวลชนของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ติดเชื้อไวรัสโควิด
ขณะที่ นายทรัมป์ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ยังคงให้ความสำคัญตรวจหาเชื้อโควิดของชาวอเมริกันต่อไป โดยล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯได้มีการอนุมัติงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (354,200,000,000 บาท) เพื่อให้ตรงตามเป้าการตรวจที่สหรัฐฯได้วางเอาไว้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังประกาศด้วยว่า ขณะนี้สหรัฐฯได้รับชัยชนะต่อศัตรูที่มองไม่เห็นแล้ว โดยเป็นชัยชนะอันเนื่องมาจากการที่สหรัฐฯ มีทรัพยากรทั้งเครื่องช่วยหายใจและชุดตรวจรวมไปถึงการตรวจหาโรคที่เพียงพอต่อสถานการณ์ ซึ่งสามารถตรวจหาผู้ป่วยรายวันได้แล้วถึงเกือบ 300,000 รายต่อวัน
อ้างอิงวิดิโอจากช่อง USA Today
แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีรายงานจากนักวิจัยหลายรายระบุว่า ถ้าหากสหรัฐฯต้องการที่จะเปิดประเทศอีกครั้ง สหรัฐฯ จะต้องดำเนินการตรวจหาผู้ป่วยโรคโควิด 19 ให้ได้อย่างน้อย 900,000 รายต่อวัน
อนึ่งก่อนหน้านี้ทางด้านหน่วยงานควบคุมโรคของสหรัฐฯหรือซีดีซี ได้ออกมาเสนอแนวทางว่า ยังไม่ควรที่จะมีการยกเลิกมาตรการปิดเมืองในแต่ละรัฐ จนกว่าแต่ละรัฐจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงอย่างน้อย 14 วันติดต่อกัน และมีการตรวจหาเชื้อในหมู่ประชากรที่อยู่อาศัยในรัฐนั้นได้เป็นจำนวนอย่างน้อย 30 ราย ต่อจำนวนประชากร 1,000 ราย
แต่ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธที่จะใช้แนวทางดังกล่าวไปแล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ในบางรัฐของสหรัฐยังคงเลือกที่จะใช้แนวทางของซีดีซี
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 342,317 ราย และมีผู้เสียชีวิต 26,878 ศพ
สำหรับสถานการณ์รอบโลกนั้น ที่ประเทศรัสเซีย มีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 221,344 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,656 ราย มีผู้เสียชีวิต 2,009 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 94 ศพ ทำให้รัสเซียเป็นประเทศที่มีการระบาดใหม่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ
ล่าสุดมีรายงานว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ว่าจะอนุญาตให้แรงงานบางภาคส่วนกลับเข้าไปทำงานได้แล้ว แต่จะยังคงออกมาตรการบังคับไม่ให้มีการรวมกลุ่มของประชาชนอยู่ ซึ่งสถานการณ์โดยรวมในเรื่องการระบาดและการปิดเมืองของประเทศรัสเซียนั้นมีความเกี่ยวข้องกับขนาดของประเทศรัสเซียซึ่งถือว่าใหญ่มากจึงทำให้สถานการณ์ในแต่ละส่วนของประเทศมีความแตกต่างกันมากด้วยเช่นกัน ขณะที่กรุงมอสโกจะมีการยกเลิกมาตรการปิดเมืองในช่วงสิ้นเดือน พ.ค.นี้
อ้างอิงวิดิโอจากช่อง AFRO WORLD NEWS
ที่ประเทศอังกฤษ มีรายงานตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 223,060 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,877 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 32,065 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 210 ศพ ทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในยุโรป
ส่วนนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาเรียกร้องให้สถานที่ทำงานต่างๆนั้นอนุญาตให้คนงานกลับเข้าไปทำงานได้ถ้าหากมั่นใจว่าที่ทำงานนั้นๆปลอดจากโรคโควิด 19 อย่างแน่นอนแล้ว และขอให้นายจ้างอย่าบังคับให้ลูกจ้างกลับเข้าที่ทำงานหากยังไม่ปลอดภัยจากโรคโควิด 19
ขณะที่นายโดมินิก ราห์บ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอังกฤษ ได้แถลงข่าวว่า คาดการณ์ว่าภาคส่วนทางเศรษฐกิจของอังกฤษ อาทิ ร้านอาหาร ผับ ร้านตัดผม น่าจะสามารถกลับมาเริ่มเปิดทำการได้อีกครั้งในช่วงวันที่ 4 ก.ค.เป็นอย่างน้อย
ส่วนสถานการณ์ในเอเชียนั้น ที่สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 23,822 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 486 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 21 ศพ และมีผู้เสียชีวิตใหม่ 1 ศพ ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีรายงานว่า 481 รายจากตัวเลข 486 รายนั้น เป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์
ขณะสำนักงานรัฐบาลดิจิตัลของสิงคโปร์หรือ The Smart Nation and Digital Government Office (SNDGO) ได้เปิดเผยว่าหลังจากที่สำนักงานฯได้เปิดใช้แอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Safe Entry ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่จะตรวจจับข้อมูลทางดิจิตัลของผู้ที่เข้าไปใช้บริการหรือพนักงานของสถานประกอบการต่างๆ อาทิ ซุปเปอร์มาเก็ต ห้างร้านและโรงแรมต่างๆว่า ได้ติดเชื้อโควิด 19 หรือไม่
ล่าสุดสำนักงานฯได้รายงานว่ามีสถานประกอบการได้มาลงทะเบียนใช้แอปพลิเคชันนี้จำนวนทั้งสิ้น 29,000 แห่งแล้ว จึงทำให้ ณ เวลานี้มีสถานประกอบการทั่วสิงคโปร์ที่ได้ลงทะเบียนกับแอปพลิเคชันนี้ทั้งสิ้น 45,000 แห่ง
โดยผู้ที่เข้าไปใช้บริการสถานที่ประกอบการที่ได้ลงทะเบียนแล้วนั้นสามารถใช้แอปพลิเคชัน Smart Entry สแกน QR Code เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด 19 ของสถานที่นั้นๆได้ (ดูภาพประกอบ)
อ้างอิงรูปภาพจากสำนักข่าวสเตรทไทม์
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 14,265 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 233 ราย มีผู้เสียชีวิต 991 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 18 ศพ ทำให้อินโดนีเซีย
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 11,086 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 292 ราย มีผู้เสียชีวิต 726 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 7 ศพ
ที่มาเลเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 6,726 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 70 ราย มีผู้เสียชีวิต 109 ศพ มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ศพ
ทางด้านประเทศจีน มีรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 82,918 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม4,633 ราย และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่
โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17 ราย ของจีนนั้น มีรายงานว่าเป็นผู้ติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของการระบาดของไวรัสโควิด 19 จำนวน 5 ราย ซึ่งทางการเมืองอู่ฮั่นได้มีการประกาศแผนตรวจหาโรคโควิด 19 ในรูปแบบเชิงรุก โดยจะตรวจหาผู้ป่วยทั่วเมืองเป็นระยะเวลา 10 วัน ติดต่อกัน และทางการเมืองยังได้เรียกร้องไปยังแต่ละเขตของเมืองให้ส่งแผนการตรวจมายังทางการเมืองภายในวันที่ 12 พ.ค.
ต่อมาในในวันที่ 12 พ.ค. ทางการจีนได้ออกแถลงการณ์อีกครั้งระบุว่าไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ที่เกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศจีนแต่อย่างใด
ส่วนที่เกาหลีใต้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 10,909 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 35 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 256 ศพ ยังไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่
ที่ญี่ปุ่น มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 15,738 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 33 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 653 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 18 ศพ
ขณะที่ประเทศอิหร่านมีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 109,286 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,683 รายมีผู้เสียชีวิต 6,685 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 45 ศพ
เบื้องต้นมีรายงานว่าอิหร่านจะมีการเปิดมัสยิดทั่วประเทศในวันที่ 12 พ.ค.นี้
สำหรับสถานการณ์ในยุโรป ที่ประเทศสเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 268,143 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 3,480ราย มีผู้เสียชีวิต 26,744 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 123 ศพ
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 219,814 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 744 ราย มีผู้เสียชีวิต 30,739 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 179 ศพ
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 177,423 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 453 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 26,643 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 263 ศพ จึงทำให้กลับมามีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก
สำหรับสถานการณ์ที่เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อสะสม 172,576 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 697 ราย มีผู้เสียชีวิต 7,661 ศพ และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 92 ศพ
ส่วนสถานการณ์ในบราซิลนั้น มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 169,143 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,444 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 11,625 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 502 ศพ
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
เรียบเรียงจาก:,https://www.theguardian.com/world,https://www.bbc.com/news,https://mainichi.jp/english/,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://covid19japan.com/,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.straitstimes.com/singapore,https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage