'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดใกล้ 4.2 ล. รอง ปธน.'สหรัฐ'ปฏิเสธกักตัวเองหลังเลขาฯ ตรวจพบเชื้อ - 'เกาหลีใต้-อิหร่าน-จีน' เจอสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ 'อังกฤษ'มั่นใจ 1 มิ.ย. เปิดเรียนได้ หลังออกระบบเตือนภัยติดเชื้อทั่วปท. - 'รัสเซีย' ปท.ที่ 5 ป่วยเกิน 2 แสนแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meters รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 4,178,154 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 79,875 ราย มีผู้เสียชีวิต 283,734 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 3,510 ศพ
โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,367,638ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,329ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 80,787 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 750 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสม สูงที่สุดในโลก
ที่ทำเนียบขาวนายเดวิน โอ มัลเลย์ โฆษกประจำตัวนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวว่ารองประธานาธิบดีสหรัฐฯยังคงไม่ตัดสินใจที่จะกักตัวเอง หลังจากที่นางเคธี่ มิลเลอร์ เลขานุการด้านสื่อสารมวลชนส่วนตัว ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. และจะเดินทางไปทำงานที่ทำเนียบขาว ในวันที่ 11 พ.ค. พร้อมยืนยันว่ารองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผลตรวจหาเชื้อโควิด 19 เป็นลบ และยังคงปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมแพทย์ทำเนียบขาวอย่างเคร่งครัด
นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.businessinsider.com/)
ส่วนความเคลื่อนไหวที่รัฐสภาสหรัฐฯ มีรายงานว่า นายแอนโทนี่ ฟาวซี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐฯ หนึ่งในทีมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสพร้อมด้วยนายโรเบิร์ต เรดฟิล ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆจะได้หารือต่อหน้าคณะกรรมการของวุฒิสภาในด้านสุขภาพ การศึกษา แรงงาน และสวัสดิการบำนาญ เพื่อพูดถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจของประเทศในวันที่ 12 พ.ค.นี้
โดยรูปแบบการหารือนั้นจะดำเนินการผ่านระบบวิดีโอคอล เนื่องจากทั้งนายแอนโทนี่ และนายโรเบิร์ตต้องกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วันหลังตรวจพบว่าอาจจะได้สัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อโควิด 19 ซึ่งเจ้าหน้าที่อีกรายที่ต้องกักตัวเอง ได้แก่นายสตีเฟน ฮาห์น ผู้อำนวยการองค์การอาหารและยาหรือว่า เอฟดีเอ
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 340,792 ราย และมีผู้เสียชีวิต 26,791 ศพ
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยจากนาย บิล เดอ บลาสิโอ ว่า มีเด็กอย่างน้อย 38 รายในเมืองนิวยอร์ก มีอาการอักเสบไปทั่วร่างกาย ซึ่งใน 38 คนนั้น มีการตรวจสอบพบว่า 47 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อโควิด 19 และอีก 81 เปอร์เซ็นต์ที่มีผลตรวจเป็นลบนั้นตรวจสอบพบว่ามีแอนติบอดีต่อไวรัส ซึ่งขณะนี้มีเด็กอย่างน้อย 1 คนในวัย 5 ขวบ ได้เสียชีวิตจากอาการอักเสบดังกล่าวแล้ว และทางการนิวยอร์กได้ดำเนินการสืบสวนผู้ป่วยเด็กจำนวน 9 ราย เพื่อดูว่าอาการอักเสบนั้นเกี่ยวข้องกับโรคโควิดอย่างไรบ้าง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวอื่นๆในสหรัฐนั้น มีรายงานว่า นายพอล สตอฟเฟิล ผู้บริหารบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ของสหรัฐได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทางบริษัทจะมีการทดลองวัคซีนในระดับการรักษาในคลินิกในช่วงเดือน ก.ย.นี้ พัฒนาวัคซีนได้เต็มรูปแบบในช่วงปลายปี และจะผลิตวัคซันให้ได้ประมาณ 1 พันล้านโดส ในช่วงปี 2564
สำหรับสถานการณ์รอบโลกนั้น ที่ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดการระบาดของไวรัสโควิด 19 นั้น มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 82,901 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 4,633 ศพ และยังไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ดังกล่าวนั้นถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 วันนับตั้งแต่ที่ประเทศจีนได้ลดระดับการเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด 19
โดยการระบาดครั้งใหม่นั้นเริ่มต้นจากผู้หญิงอายุ 45 ปีที่อาศัยอยู่ในเขตจี้หลิน (Jilin) ซึ่งยังไม่เคยมีประวัติเดินทางไปนอกเขต หรือพบปะกับผู้ติดเชื้อมาก่อน ซึ่งในขณะนี้ทางการจีนได้ระงับการให้บริการรถไฟในเขตจี้หลินแล้ว
ที่ประเทศอังกฤษ มีรายงานตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 219,183 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,923 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 31,855 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 268 ศพ ทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในยุโรป และจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมยังเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ
ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือมาตรการช่วยเหลือคนงานที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ ให้สามารถกลับเข้าที่ทำงานโดยเร็วที่สุด ซึ่งเขาเชื่อว่าระบบเตือนภัยต้านภัยจากไวรัสโควิด 19 ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นระบบที่กำหนดเลขความร้ายแรงของสถานการณ์การติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ของอังกฤษนั้น จะเป็นกลไกสำคัญในการยกเลิกมาตรการปิดเมืองของอังกฤษได้
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังระบุว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปของการเปิดเมืองนั้นก็คือการให้นักเรียนได้กลับเข้าเรียนภายในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
ส่วนสถานการณ์ในเอเชียนั้น ที่สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 23,336 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 876 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 20 ศพ และไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่ ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีรายงานว่า 860 รายจากตัวเลข 876รายนั้น เป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์
นอกจากนี้ยังพบว่า มีการตรวจหาโรคโควิดที่ผิดพลาดถึง 33 ราย แต่ทั้งหมดยังไม่ได้ติดโรคแต่อย่างใด ซึ่งสาเหตุของการรายงานผลที่ผิดพลาดนั้นมาจากระบบแสดงผลของชุดตรวจโควิด
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 14,032ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 387 ราย มีผู้เสียชีวิต 973 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 14 ศพ ทำให้อินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในอาเซียน
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 10,794 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 184 ราย มีผู้เสียชีวิต 719 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 15 ศพ
ที่มาเลเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 6,656 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 67 ราย มีผู้เสียชีวิต 108 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่
ที่ญี่ปุ่น มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 15,694 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 67 ราย มีผู้เสียชีวิต 634 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4 ศพ
โดยในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ผู้ว่าการแต่ละเขตของญี่ปุ่นจะมีการหารือกันเพื่อจะยกเลิกมาตรการฉุกเฉินใน 34 เขต จากทั้งหมด 47 เขตของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากพบว่าทั้ง 34 เขตนั้นไม่มีรายงานการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เกิดขึ้นใหม่เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์แล้ว
ที่ประเทศเกาหลีใต้มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 10,874 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 256 ศพ ยังไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่ โดยมีรายงานว่าผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 34 ราย นั้นถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.นั้น ติดเชื้อจากไนต์คลับในย่านอิแทวอน ซึ่งหลังจากการติดเชื้อ ทางการเกาหลีใต้ได้สั่งปิดไนท์คลับทั้งหมดแล้ว
ทางด้านนายมูน แจ อึน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้แถลงการณ์ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศว่า ขอให้ประชาชนเกาหลีใต้ได้เฝ้าระวังและอย่าลดการ์ดลง เพราะอาจจะทำให้เกิดการระบาดระลอก 2 ได้ทุกเมื่อ
ขณะที่กระทรวงการสาธารณสุขของเกาหลีใต้ ได้ออกแถลงการณ์ว่าจะมีการทบทวนมาตรการการเปิดโรงเรียนใหม่ในช่วงวันที่ 13 พ.ค.นี้ หลังจากประเมินสถานการณ์การติดเชื้อที่ไนต์คลับเสร็จสิ้นแล้ว
การแถลงข่าวของนายมูนแจอึน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ (อ้างอิงวิดิโอจากช่องอารีอัง)
ส่วนที่ประเทศอิหร่าน ได้มีการออกมาตรการปิดเมืองในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ หลังพบการระบาดในจังหวัด Khuzestan ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนประเทศอิรัก
โดยขณะนี้อิหร่านมีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 107,603 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,383 รายมีผู้เสียชีวิต 6,640 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 51 ศพ
สำหรับสถานการณ์ในยุโรป ที่ประเทศสเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 264,663 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 1,880ราย มีผู้เสียชีวิต 26,621ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 143 ศพ
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 219,070 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 802 ราย มีผู้เสียชีวิต 30,560 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 165 ศพ
ที่รัสเซียมีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 209,688 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,012 ราย มีผู้เสียชีวิต 1,915 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 88 ศพ นับเป็นประเทศที่ 2 รองจากสหรัฐฯที่มีผู้ติดเชื้อรายวันมากที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่ 5 ต่อจากสหรัฐฯ สเปน อังกฤษ อิตาลี ที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 200,000 ราย
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 176,970 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 312 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 26,380 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 70 ศพ
สำหรับสถานการณ์ที่เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อสะสม 171,780 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 456 ราย มีผู้เสียชีวิต 7,560 ศพ และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 11 ศพ
ส่วนสถานการณ์ในบราซิลนั้น มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 162,699ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,638 ราย มีผู้เสียชีวิต 11,123 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 467 ศพ
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/,https://www.theguardian.com/world,https://www.bbc.com/news,https://mainichi.jp/english/,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://covid19japan.com/,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.japantimes.co.jp/,https://www.straitstimes.com/singapore,https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,http://www.arirang.com/News/News_Index.asp
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage