'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดหลังทะลุ 4 ล้าน 'สหรัฐ'ตายเกิน 8 หมื่น 'โอบามา'จวกทีม'ทรัมป์'บริหารเข้าขั้นหายนะ- 'อังกฤษ'เล็งเปิดตัวระบบเตือนภัยไวรัส -'สิงคโปร์'เจอแรงงานต่างชาติ 739 รายติดเชื้อใหม่-'ญี่ปุ่น'ปท.ที่ 26 รักษาหายมากกว่าป่วย -'เบลารุส'ยังฝืนจัดงานสวนสนามสงครามโลก แม้ยอดผู้ป่วยพุ่ง 2.2 หมื่น- 'เยอรมนี' เจอประท้วงต้านปิดเมืองทั่วปท. ส่วน ทีม 'ดินาโม เดรสเดน' กักตัว 14 วัน หลังพบนักเตะ ป่วย 2 ราย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุด ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 10 พ.ค.2563 ตามเวลาประเทศไทย เว็บไซต์ World Meters รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 4,098,092ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 88,801 ราย มีผู้เสียชีวิต 280,223 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,247ศพ
โดยประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,347,125 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25,340 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 80,036 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,421ศพ ทำให้สหรัฐฯ ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสม สูงที่สุดในโลก
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 338,337 ราย และมีผู้เสียชีวิต 26,584 ศพ
ขณะที่นายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การจัดการปัญหาไวรัสระบาดในประเทศของทีมงานนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบันว่า เข้าขั้นหายนะ
สำหรับสถานการณ์รอบโลกที่น่าสนใจนั้น ที่ประเทศอังกฤษ มีรายงานตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 215,260 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,896 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 31,587 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 346 ศพ ทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในยุโรป และจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมยังเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ
เบื้องต้น นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในวันที่ 10 พ.ค. นี้ อังกฤษจะเริ่มเปิดตัวระบบเตือนภัยต้านภัยจากไวรัสโควิด 19 ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นระบบที่กำหนดเลขความร้ายแรงของสถานการณ์การติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ของอังกฤษ ไล่เรียงไปจากสีเขียวหรือหมายเลข 1 ที่ระบุความร้ายแรงในพื้นที่ค่อนข้างต่ำ จนไปถึงสีแดงหรือระดับ 5 ที่ระบุความสถานการณ์ในพื้นที่นั้นร้ายแรงมาก
ส่วนสถานการณ์ในเอเชียนั้น ที่สิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 22,460 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 753 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 20 ศพ และไม่มีผู้เสียชีวิตใหม่ ทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยมีรายงานว่า 739 รายจากตัวเลข 753 รายนั้นเป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 13,645 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 533 ราย มีผู้เสียชีวิต 959 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 16 ศพ ทำให้อินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตสะสมและผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 10,610 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 147 ราย มีผู้เสียชีวิต 704 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 8 ศพ
ที่มาเลเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 6,589 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 54 ราย มีผู้เสียชีวิต 108 ศพ มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ศพ
ที่ญี่ปุ่น มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 15,623 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 103 ราย มีผู้เสียชีวิต 622 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 13 ศพ
ขณะที่ข้อมูลการรักษาโรคของประเทศญี่ปุ่นนั้น ล่าสุดสามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ 8,216 ราย จากผู้ป่วยที่มีอาการ ณ ตอนนี้ คือ 6,785 รายทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ 26 ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสอย่างรุนแรง (ติดเชื้อเกิน 1,000 คน) แต่สามารถพลิกสถานการณ์ รักษาผู้ป่วยให้หายได้มากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่กำลังป่วยเหลืออยู่ ต่อจากจีน เกาหลีใต้ อิหร่าน ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ไอซ์แลนด์ ไทย เยอรมนี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ลักเซมเบิร์ก สเปน อิรัก อาเซอร์ไบจาน ไอร์แลนด์ อิสราเอล เม็กซิโก โครเอเชีย กรีซ อุซเบกิสถาน ตุรกี และอิตาลี ที่รายงานข่าวไปก่อนหน้านี้ (ดูภาพประกอบ) *หมายเหตุ ตัดประเทศชิลีออกเนื่องจากมีผู้ป่วยมากกว่าผู้ที่ัรักษาหาย
โดยชิลีมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 155,939 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,047 ราย มีผู้เสียชีวิต 10,627 ศพ มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 635 ศพ มีรายงานการรักษาผู้ป่วยหาย 12,667 ราย และมีผู้ป่วยสะสม 14,248 ราย ส่วนประเทศชิลีซึ่งเคยรักษาผู้ป่วยให้หายได้มากกว่าผู้ป่วยที่กำลังป่วยอยู่นั้น ล่าสุดได้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นมากกว่าจำนวนผู้ที่หายจากอาการป่วย
ขณะที่กรุงโตเกียวมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 4,849 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 36 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 180 ศพ นับเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันที่กรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 100 ราย
สำหรับสถานการณ์ในยุโรป ที่ประเทศสเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 262,783 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 2,666ราย มีผู้เสียชีวิต 26,478 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 179 ศพ
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 218,268 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 1,083 ราย มีผู้เสียชีวิต 30,395 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 194 ศพ
ที่รัสเซียมีรายงานผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 198,676 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,817 ราย มีผู้เสียชีวิต 1,827 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 104 ศพ นับเป็นประเทศที่ 2 รองจากสหรัฐฯที่มีผู้ติดเชื้อรายวันมากที่สุดในโลก
โดยบรรยากาศในวันเฉลิมฉลองชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สมรภูมิยุโรปนั้น มีรายงานว่า แม้รัสเซียจะยกเลิกการสวนสนามฉลองชัยชนะไปแล้ว แต่ยังคงจัดกิจกรรมการแสดงสวนสนามทางอากาศด้วยเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์แทน และในวันเดียวกันนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้เดินทางไปวางดอกไม้แสดงความอาลัยที่อนุสรณ์ทหารไร้นามซึ่งเสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ดูคลิปประกอบ)
บรรยากาศการสวนสนามทางอากาศของรัสเซีย (อ้างอิงวิดิโอจากช่อง The Telegraph)
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าประเทศเบลารุส ซึ่งเคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นประเทศเดียวในทวีปยุโรปที่ยังคงจัดงานสวนสนามวันแห่งชัยชนะอยู่ โดยมีทหารเกือบ 5,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมสวนสนาม และมีประชาชนนับหมื่นคนเข้าร่วมชมงาน
บรรยากาศวันฉลองชัยชนะที่ประเทศเบลรุส (อ้างอิงวิดิโอจากช่องเดอะการ์เดี้ยน)
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในเบลารุสนั้น มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อ 22,052 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 951 ราย มีผู้เสียชีวิต 126 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 5
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 176,658ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 579 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 26,31 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 80 ศพ
สำหรับสถานการณ์ที่เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อสะสม 171,324 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 736 ราย มีผู้เสียชีวิต 7,549 ศพ และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 39 ศพ
ทั้งนี้มีรายงานว่าที่เมืองมิวนิค มีประชาชนผู้ประท้วงมาตรการปิดเมืองออกมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมากกว่า 3,000 ราย เช่นเดียวกับที่เมืองสตุ๊ตการ์ท และอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ก็มีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมนับหลายพันคนเช่นกัน และมีทำร้ายร่างกายนักข่าวในระหว่างการประท้วงที่เมือนดอร์ทมุนด์ (ดูวิดิโอประกอบ)
การประท้วงที่เยอรมนี (อ้างอิงวิดิโอจากช่อง Rutply)
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในแวดวงฟุตบอลลีกบุนเดสลีก้าที่จะมีกำหนดการเตะนัดเปิดสนามในวันที่ 16 พ.ค. ล่าสุดมีรายงานว่าทีมของสโมสรดินาโม เดรสเดน รวมถึงสตาฟโค้ชต้องกักตัวเองเป็นระยะเวลา 14 วัน หลังตรวจพบนักเตะของทีมจำนวน 2 ราย เชื้อโควิด 19
ส่วนสถานการณ์ในบราซิลนั้น มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 155,939 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,047 ราย มีผู้เสียชีวิต 10,627 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 635 ศพ
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวทำให้บราซิลกลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/,https://www.theguardian.com/world,https://www.bbc.com/news,https://mainichi.jp/english/,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://covid19japan.com/,https://www.nytimes.com/interactive/2020/us/coronavirus-us-cases.html,https://www.japantimes.co.jp/,https://www.straitstimes.com/singapore,https://www.dw.com/en/top-stories/s-9097
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage