'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โคโรน่าไวรัสทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อสะสมแตะ 3.2 ล้าน นิวยอร์กตายเกิน 3 แสน 'สหรัฐ' ทดลองยาเรมเดซิเวียร์ ต้านไวรัสได้ผลดี 15 วัน กำจัดอาการได้หมด -'เกาหลีใต้'เผยผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็นศูนย์ครั้งแรก -'ญี่ปุ่น' ประกาศผลิตชุดตรวจไม่เกิน 15 นาที รู้ผลโควิดสำเร็จ -'อังกฤษ' ยอดตายรายวันพุ่ง 4 พัน หลังออกสำรวจผู้เสียชีวิตนอกโรงพยาบาลครั้งแรก -'รัสเซีย' แบนชาวต่างชาติเข้าปทไม่มีกำหนด -'ไอร์แลนด์' รักษาผู้ป่วยวันเดียวหาย 4.1 พันราย ด้าน 'เม็กซิโก'-'อิสราเอล' ปท.ที่ 20-21 รักษาคนหายมากกว่าป่วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัสทั่วโลกล่าสุดว่า ในช่วงค่ำวันที่ 29 เม.ย.2563 เว็บไซต์ World Meters รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก ว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 3,205,726 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 69,218 ราย มีผู้เสียชีวิต 227,290 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 9,477 ศพ
โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 1 ยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 1,055,303 ราย ผู้ติดเชื้อใหม่ 19,538 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 61,112 ศพ ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,846 ศพ ทำให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้เสียชีวิตสะสม สูงที่สุดในโลก
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในสหรัฐฯ นั้น รัฐนิวยอร์ก ยังเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 305,024 ราย และมีผู้เสียชีวิต 23,317 ศพ
ที่รัฐอาร์คันซอว์ จะเปิดให้ร้านอาหารเริ่มดำเนินกิจการได้แบบจำกัด ในวันที่ 11 พ.ค.นี้
ที่รัฐนิวเจอร์ซี นายฟิล เมอร์ฟีย์ ผู้ว่าการรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งให้สนามกอล์ฟต่างๆ เปิดทำการได้ตามปกติในวันที่ 2 พ.ค. นี้
ส่วนความคืบหน้าการค้นคว้าวัคซีนเพื่อรักษาโรคนั้น ล่าสุด นายแอนโทนี่ ฟาวซี่ ผู้อำนวยการด้านสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลการทดลองยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) ในการรักษาไวรัส ว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ตัวยาสามารถเข้าไปหยุดกระบวนการแบ่งตัวของไวรัสในร่างกาย และทำให้ลดเวลาที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดไวรัสลง ซึ่งผลจากการทดสอบจำนวน 11 ครั้ง พบว่าไม่เกิน 15 วัน ตัวยาสามารถกำจัดอาการต่างๆที่มีจากโรคโควิด 19 ได้จนหมด
ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.forbes.com/)
ส่วนสถานการณ์รอบโลกนั้น ที่ประเทศสิงคโปร์ มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 15,641 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 690 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 14 ศพ ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ ทำให้สิงคโปร์มีตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อสิงคโปร์กลับมาสูงอีกครั้ง หลังจากที่ลดลงไป 2 วันติดต่อกัน
ที่อินโดนีเซีย มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 9,771 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 260 ราย มีผู้เสียชีวิต 784 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 11 ศพ ทำให้อินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงที่สุดในอาเซียน
ที่ฟิลิปปินส์ มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 8,212 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 254 ราย มีผู้เสียชีวิต 558 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 28 ศพ ทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในอาเซียน
ขณะที่เกาหลีใต้นั้น มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 10,761 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 246 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 2 ศพ ทั้งนี้ในช่วงสายของวันที่ 30 เม.ย. ทางการเกาหลีใต้ได้ออกประกาศว่าประเทศเกาหลีใต้นั้นปราศจากการติดเชื้อในประเทศอย่างสิ้นเชิงแล้ว นับตั้งแต่ที่ประเทศได้เจอกับสถานการณ์โรคระบาดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นมา
ที่ญี่ปุ่น มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 14,119 ราย เสียชีวิตสะสม 435 ศพ ล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำสัญญากับบริษัทเอกชน 4 แห่ง เพื่อแจกจ่ายหน้ากาก 20 ล้านชุด ไปยังบ้านพักคนชราทั่วประเทศ และจะแจกหน้ากากผ้าจำนวน 500,000 ชุดไปให้กับผู้หญิงท้องทั่วประเทศญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม
ขณะที่บริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์สัญชาติญี่ปุ่นชื่อว่า Fujirebio Inc ได้ออกมาประกาศว่าสามารถคิดค้นเครื่องตรวจโรคโควิด 19 แบบง่าย ที่มีศักยภาพในการตรวจการติดเชื้อโควิดภายในเวลาไม่เกิน 15 นาทีเป็นผลสำเร็จแล้ว
เบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุข สวัสดิการ และแรงงานของญี่ปุ่น ได้อนุมัติให้มีการนำเครื่องตรวจดังกล่าวไปใช้ในทางการแพทย์แล้ว คาดว่าภายในไม่เกินสิ้นเดือน พ.ค. เครื่องตรวจแบบง่ายจะสามารถนำไปใช้ได้ครอบคลุมในหมู่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทจะเริ่มผลิตเครื่องตรวจแบบง่ายทันทีด้วยกำลังผลิตจำนวน 200,000 ชุดต่อสัปดาห์
ส่วนสถานการณ์ในยุโรป นั้น ที่ประเทศสเปน มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 236,899 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 4,771 ราย มีผู้เสียชีวิต 24,275 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 453 ศพ
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลวันที่ 28 เม.ย.ที่สเปนมีจำนวนผู้ติดเชื้อแค่ 2,706 ราย ทำให้แค่ภายในวันที่ 29 เม.ย.วันเดียว สเปนมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่วันก่อนหน้าถึง 2,065 ราย
ที่อิตาลี มีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 203,591 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 2,086 ราย มีผู้เสียชีวิต 27,682 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 323 ศพ
ที่ฝรั่งเศส มีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 166,420 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 509 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 24,087 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 427 ศพ
ที่อังกฤษ มีผู้ติดเชื้อสะสม 165,221 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,076 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 26,097 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 4,419 ศพ ทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันสูงที่สุดในยุโรป
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ทำให้อังกฤษมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 รายใหม่ แบบก้าวกระโดดเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากอังกฤษได้ดำเนินการตรวจสอบหาผู้ที่ป่วยและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 นอกโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก
โดยบันทึกข้อมูลผู้เสียชีวิตนอกโรงพยาบาลนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน นับรวมจำนวนผู้เสียชีวิตในวันที่ 29 เม.ย. จำนวน 765 ศพ จึงทำให้ทางการอังกฤษได้บันทึกผู้เสียชีวิตรายวันเมื่อวันที่ 29 เม.ย.เป็นจำนวนดัง 4,419 ศพดังกล่าว
สำหรับสถานการณ์ที่เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อสะสม 161,173 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,261 ราย มีผู้เสียชีวิต 6,399 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 85 ศพ เบื้องต้น รัฐบาลเยอรมนีได้ขยายเวลาการเฝ้าระวังการเดินทางไปต่างประเทศออกไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 14 มิ.ย.
ที่รัสเซีย มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 99,399 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,841 ราย มีผู้เสียชีวิต 972 ศพ และมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 105 ศพ ทำให้รัสเซียเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในยุโรป และต้องขยายเวลาสั่งห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศรัสเซียอย่างไม่มีกำหนด จากกำหนดการเดิมที่มาตรการนี้ จะต้องสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.นี้
ที่ไอร์แลนด์ มีผู้ติดเชื้อสะสม 161,173 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,261 ราย มีผู้เสียชีวิต 6,399 ศพ มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่ 85 ศพ และมีรายงานการรักษาผู้ป่วยหาย 13,386 ราย จากจำนวนผู้ป่วยตอนนี้ 5,677 ราย
ถ้าหากเทียบข้อมูลเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ไอร์แลนด์รักษาผู้ป่วยหายเป็นจำนวน 9,233 ราย ซึ่งหมายความว่าภายในวันที่ 29 เม.ย.แค่วันเดียว ไอร์แลนด์สามารถรักษาผู้ป่วยโควิดหายได้ถึง 4,153 ราย
ทำให้ไอร์แลนด์กลับมาเป็นประเทศที่ 19 ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสอย่างรุนแรง (ติดเชื้อเกิน 1,000 คน) แต่สามารถพลิกสถานการณ์ รักษาผู้ป่วยให้หายได้มากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่กำลังป่วยเหลืออยู่ ต่อจากประเทศจีน เกาหลีใต้ อิหร่าน ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ไอซ์แลนด์ ไทย เยอรมนี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ชิลี ลักเซมเบิร์ก สเปน อิรัก และอาเซอร์ไบจาน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.worldometers.info/coronavirus/
ต่อมาในช่วงสายของวันที่ 30 เม.ย. มีรายงานข้อมูลเกี่ยวกับประเทศอิสราเอลและประเทศเม็กซิโก โดยประเทศเม็กซิโกนั้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 17,799 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 1,047 ราย มีผู้เสียชีวิต 1,732 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตใหม่ 163 ศพ แต่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายสะสมได้ 11,423 ราย จากตอนนี้ที่มีผู้ป่วย 4,644 ราย
และประเทศอิสราเอลนั้นมีผู้ป่วยสะสม 15,834 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 215 ศพ สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายได้ 8,233 ราย จากจำนวนผู้ป่วยที่มีอยู่ตอนนี้ 7,386 ราย จึงทำให้ประเทศเม็กซิโกและประเทศอิสราเอลนั้นเป็นประเทศที่ 20 และ 21 ที่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายมากกว่า ผู้ป่วยที่ป่วยอยู่
ส่วนสถานการณ์ที่บราซิลมีรายงานว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 78,162 ราย เป็นผู้ติดเชื้อ รายใหม่ทั้งสิ้น 5,263ราย มีผู้เสียชีวิต 5,466 ศพ เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 403 ศพ ทำให้ประเทศบราซิลมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกของจากสหรัฐฯและรัสเซีย เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
เรียบเรียงจาก:https://www.theguardian.com/international,https://www.themoscowtimes.com/2020/04/29/russia-extends-entry-ban-for-foreigners-over-pandemic-a70140,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.bbc.com/news
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage