‘ก.ท่องเที่ยวฯ’ เผยยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน มี.ค.ลดลงเหลือ 8.19 แสนคน หดตัวกว่า 76% นักท่องเที่ยวจีนหาย 94.23% เหลือเพียง 5.6 หมื่นคน จากเดิมที่เคยเที่ยวเกือบ 1 ล้านคน สทท.ระบุเม.ย.นักท่องเที่ยวแทบไม่มีเหลือ หลังไทยปิดน่านฟ้า ด้าน ทอท. ประเมินทั้งปีงบ 63 ยอดผู้โดยสารที่ใช้สนามบินของทอท. เหลือ 66 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 53.1%
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนมี.ค.2563 ว่า ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.19 แสนคน ลดลง 2.65 ล้านคน หรือลดลง 76.41% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.47 ล้านคน ส่วนรายได้เข้าประเทศอยู่ที่ 3.95 หมื่นล้านบาท ลดลง 1.36 แสนล้านบาท หรือลดลง 77.58% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีรายได้ฯ 1.76 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศสำคัญๆ พบว่า นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของไทย มีจำนวนเหลือเพียง 5.68 หมื่นคน ลดลง 9.28 แสนคน หรือลดลง 94.23% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจีน 9.85 แสนคน ส่วนนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรปอยู่ที่ 3.51 แสนคน ลดลง 3.68 แสนคน หรือลดลง 51.20% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรป 7.19 แสนคน
ขณะที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียอยู่ที่ 9.48 หมื่นคน ลดลง 2.23 แสนคน หรือลดลง 70.24% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวมาเลเซีย 3.18 แสนคน ,นักท่องเที่ยวอินเดียอยู่ที่ 1.54 หมื่นคน ลดลง 1.47 แสนคน หรือลดลง 90.5% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวอินเดีย 1.63 แสนคน และนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ที่ 2.64 หมื่นคน ลดลง 1.31 แสนคน หรือลดลง 83.24% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2562 ที่มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น 1.57 แสนคน
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 3 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.2563) อยู่ที่ 6.69 ล้านคน ลดลง 4.1 ล้านคน หรือลดลง 38.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.79 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศ 3.32 แสนล้านบาท ลดลง 2.26 แสนล้านบาท หรือลดลง 40.39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่สร้างรายได้ 5.56 แสนล้านบาท
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา ว่า คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเม.ย.จะไม่เหลือเลย เทียบกับเดือนเม.ย.ปีก่อนที่มี 3.19 ล้านคน หรือหากมีก็นับเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เนื่องจากไทยปิดน่านฟ้า และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) สั่งห้ามอากาศยานเข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ไปจนถึง 30 เม.ย.2563 ทำให้มีแต่คนไทยที่เดินทางกลับประเทศเท่านั้น
ส่วนมาตรการการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 2% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวนั้น นายชัยรัตน์ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวยังมีผลในทางปฏิบัติไม่มากนัก โดยขณะนี้มีเพียงเอสเอ็มอีไม่ถึง 10% ที่เข้าถึงสินเชื่อได้ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลาง (M) ส่วนเอสเอ็มอีรายเล็กส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงสินเชื่อเลย
"การเข้าถึงซอฟท์โลนกับเอสเอ็มอี โดยเฉพาะรายเล็กทำได้ยากมาก เพราะส่วนใหญ่ไม่เข้าเกณฑ์ เช่น ไม่มีหลักประกันบ้าง ติดเครดิตบูโรบ้าง และกำไรในงบการเงินไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดบ้าง โดยหลังจากนี้ สทท.จะหารือกับรัฐบาลและสถาบันการเงินขอให้ผ่อนปรนเงื่อนไขบางอย่างลง เพราะที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวเจอปัญหามามาก ตั้งแต่การปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ เหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ทำให้กำไรแทบไม่มี" นายชัยรัตน์กล่าว
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการ ทอท. วันนี้ (22 เม.ย.) ว่า ฝ่ายบริหาร ทอท. รายงานประมาณการปริมาณการจราจรทางอากาศในปีงบ 2563 (ต.ค.2563-ก.ย.2564) จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยคาดว่าจะมีเที่ยวบินประมาณ 493,800 เที่ยวบิน ลดลง 44.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนจำนวนผู้โดยสารคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 66.58 ล้านคน ลดลง 53.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ การประเมินตัวเลขดังกล่าวพิจารณาจากระยะเวลาการฟื้นตัวของธุรกิจการบินที่จำเป็นต้องพึ่งพาการฟื้นตัวของประเทศปลายทาง ซึ่งไทยมีประเทศปลายทางที่สำคัญ คือ กลุ่มประเทศจากทวีปเอเชียแปซิฟิกที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% และคาดว่าการฟื้นตัวของเที่ยวบินภายในประเทศจะเกิดขึ้นก่อนเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น การควบคุมการแพร่ระบาดฯในแต่ละประเทศ การค้นพบยาหรือวัคซีน COVID-19 ได้สำเร็จ เป็นต้น
“หากสามารถควบคุมการระบาดทั่วโลกได้ เศรษฐกิจของประเทศไทยและประเทศหลัก ๆ เริ่มฟื้นตัวแล้วปริมาณการจราจรจะกลับมามีปริมาณปกติที่ระดับเดิมของปี 2562 ในเดือนต.ค.2564”นายนิตินัยกล่าว
นายนิตินัย ระบุว่า คณะกรรมการ ทอท. มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทจำกัด เพื่อบริหารโครงการเกี่ยวกับสินค้าเน่าเสียง่าย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Perishable Premium Lane : PPL) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์ตรวจสอบสินค้าเกษตรก่อนส่งออก (Certify Hub) โดย ทอท. ถือหุ้น 49% และเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าวถือหุ้น 51% เพื่อเพิ่มความคล่องตัวการบริหารจัดการสินค้าเกษตรของไทยให้คงคุณภาพและมีมาตรฐานตามหลักสากล
สำหรับช่องทาง PPL จะมีพื้นที่สำหรับจัดเตรียมสินค้าแยกออกจากอาคารขนถ่ายสินค้า พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจและเตรียมสินค้าเกษตร เปรียบเสมือนการให้บริการชั้นธุรกิจ (Business Class) สำหรับสินค้า โดยสินค้าในช่องทาง PPL จะได้รับการดูแลและจัดเตรียมสินค้าโดยผู้ที่เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเพื่อนำส่งให้อาคารขนถ่ายสินค้าดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้ในเดือนมิ.ย.2563 และเปิดให้บริการในเดือนพ.ย.2563
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage