ศาล รธน.ไร้อำนาจยุบพรรค!‘ปิยบุตร’ แจงคดีกู้เงิน-รับความสามารถระดมทุนไม่เท่ากัน

กฎหมายลูกขัดกัน-ศาล รธน.ไร้อำนาจยุบพรรค! ‘ปิยบุตร’ แถลงแจงยิบคดีกู้เงิน 191.2 ล้าน ลั่นไม่ว่าใช้คำ ‘กู้เงิน-ยืมเงิน-ทดรองจ่าย’ เหมือนกันหมด กฎหมายในไทยไม่มีห้ามไว้ ยอมรับพรรคมีความสามารถระดมทุนไม่เท่ากัน ย้ำอีกครั้งเงินกู้ไม่ใช่รายได้แต่เป็นหนี้สิน ไม่มีโทษถึงยุบพรรค ขายของระดมทุนได้ 70 ล้าน-ทยอยคืนอยู่

PIC butr 18 2 63 11

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2563 ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวชี้แจงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ วงเงิน 191.2 ล้านบาท ตอนหนึ่งว่า การที่ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งประเด็นใหม่ว่า การกู้ยืมเงินระหว่างพรรคอนาคตใหม่ และพรรคการเมืองอื่น ๆ ไม่เหมือนกันนั้น จริง ๆ เหมือนกันทั้งหมด เพราะมีพรรคการเมืองอีกหลายพรรคใช้คำว่ากู้ยืมเงิน และการใช้คำว่าทดรองจ่าย ก็คือการทำนิติกรรมว่าด้วยการยืมเงิน แต่พรรคอื่นระบุชัดเจนว่ากู้ แต่ไม่มีสัญญา บางทีให้ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ไม่มีกำหนดชำระหนี้ เริ่มชำระหนี้เมื่อเจ้าหนี้ทวงถาม เป็นต้น แต่ของพรรคอนาคตใหม่มีการทำสัญญากู้ยืมเงินชัดเจน และมีการเริ่มทยอยใช้คืนเงินไปแล้ว

“ประเด็นสำคัญคือไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงิน โดยพรรคการเมืองในประเทศไทย กู้กันมาแล้วกว่า 20 พรรค ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือกฎหมายฉบับปัจจุบัน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า บทสรุปคือ ระบบกฎหมายประเทศไทยไม่ได้ห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน ตามกฎหมายปัจจุบันมีพรรคการเมืองกู้ยืมเงินกันไปแล้วกว่า 20 พรรค ระบบกฎหมายหลากหลายประเทศให้พรรคกู้เงินกันได้ ถ้าหากวันนี้บอกว่าไม่ต้องการให้มีการกู้เงิน วันหน้าไปแก้ไขกฎหมาย ใน พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ เขียนให้ชัดว่าห้ามกู้เงิน ถ้าบอกว่าให้กู้เงินได้อย่างอิสระ จะเกิดความเสียหาย ให้มีการวางเงื่อนไขข้อจำกัด เพราะแต่ละพรรคมีเงินดำเนินกิจกรรม และหารายได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นเพื่อความแฟร์ อาจให้ กกต. ตั้งกองทุนให้พรรคกู้ยืมเงินไปใช้ได้หรือไม่ หลายประเทศเริ่มคิดโมเดลนี้แล้ว

“ต้องยอมรับตรงกันก่อนว่า พรรคต้องใช้เงินทำกิจกรรม แต่ละพรรคมีความสามารถระดมทุนไม่เท่ากัน กกต. สร้างกองทุนให้พรรคกู้เงินได้หรือไม่ นี่คือเรื่องที่ควรศึกษา และต้องเขียนในอนาคต แต่ ณ วันนี้ไม่มีข้อห้ามอะไรอยู่เลย” นายปิยบุตร กล่าว

@ย้ำอีกครั้ง! เงินกู้ไม่ใช่รายได้แต่เป็นหนี้สิน-ไม่มีโทษถึงยุบพรรค

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ประเด็นต่อมา เงินกู้ไม่ใช่รายได้ ไม่ใช่เงินบริจาค และเงินกู้ไม่ใช่ประโยชน์อื่นใด แต่เงินกู้คือหนี้สิน ดูได้จากงบการเงินแต่ละพรรคเวลาแสดงต่อ กกต. ในส่วนของเงินกู้ก็ดี เงินยืมก็ดี จัดอยู่ในหมวดหนี้สินทั้งหมด ไม่มีใครไปจัดในหมวดรายได้ ทุกส่วนเป็นหนี้สิน โดยมาตรา 62 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ กำหนดที่มาของรายได้ว่ามาจากแหล่งใดบ้าง ไม่มีเรื่องเงินกู้ ซึ่งเขียนถูกแล้ว เพราะเงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่เงินกู้คือหนี้สิน จะเติมว่ามีรายได้จากเงินกู้ไม่ได้อยู่แล้ว ผิดระบบหลักการบัญชี และต่อให้พรรคอนาคตใหม่ผิดตามมาตรา 62 จริง มีโทษแค่ปรับเท่านั้น ไม่มีสิทธิร้องยุบพรรค หรือดำเนินคดีอาญา

@ขายของระดมทุนได้ 70 ล้าน-ทยอยคืนอยู่

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การทำสัญญากู้เงินจากนายธนาธร ถูกนายธนาธรทวงอยู่ทุกวัน และพรรคยังทำแคมเปญชัดเจนช่วยกันระดมทุน บริจาค สมัครสมาชิกพรรค หรือซื้อสินค้าที่ระลึก เมื่อมีเงินเข้ามานำไปใช้หนี้แก่นายธนาธร แล้วแบบนี้จะเป็นเงินบริจาคได้อย่างไร ไม่มีทางเป็นเงินบริจาคได้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นมีการใช้คืนไปแล้วบางส่วน มีหนังสือใบสำคัญชำระเงินกันแล้วเรียบร้อย ไม่มีทางเข้าข่ายเงินบริจาคได้เลย นอกจากนี้ถ้าเปิดงบการเงินของพรรคอนาคตใหม่ระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2562 ประมาณ 2 เดือนเศษ พรรคอนาคตใหม่รับบริจาค และขายของระดมทุนได้ 70 กว่าล้านบาท และเริ่มทยอยคืนนายธนาธรไปแล้ว

@ลั่นศาล รธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค

นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค และไม่มีสิทธิตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค เพราะไม่มีเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เขียนไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเท่านั้น ดังนั้นกฎหมายประกอบจึงขัดรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้การกล่าวหาตามมาตรา 66 กรณีบริจาคเงินเกิน 10 ล้านบาท มีโทษคือเพิกถอนสิทธิ และดำเนินคดีอาญา จำคุก และปรับคนให้ และคนรับ โดยเงินที่เกินมาส่งคืนกองทุนพรรคการเมือง โดยไม่มีเรื่องการยุบพรรคอยู่เลย และความผิดตามมาตรา 66 กกต. ต้องไปเริ่มที่ศาลอาญาปกติ ไม่ใช่กระบวนการในศาลรัฐธรรมนูญ และไม่มีทางที่เงินกู้จะผิดตามมาตรา 66 เพราะเงินกู้คือหนี้สิน ไม่ใช่เงินบริจาค ไม่ใช่ประโยชน์อื่นใด

ส่วนกรณีตามมาตรา 72 นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า เป็นความผิดเกี่ยวกับพรรคการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรู้ หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจุดประสงค์คือเงินที่เอามาเข้าพรรคต้องเป็นเงินสกปรก ค้ายาเสพติด คอร์รัปชั่น เป็นต้น แต่เงินที่กู้ยืมมาเป็นเงินของนายธนาธร ที่ประกอบธุรกิจ มีทรัพย์สินเยอะแยะ ไม่ได้เป็นเงินผิดกฎหมาย จึงเป็นคนละประตูกัน ต่อให้ขยายความอย่างไรก็ได้ว่า เป็นเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎหมายไม่ให้บริจาคเงิน เลยไปกู้แทนเป็นการทำนิติกรรมอำพราง ก็ไม่ได้ เพราะการใช้ช่องตามมาตรา 72 มีเขียนเพิ่มเติมในประโยคที่ว่า ต้องรู้หรือควรรู้ด้วยว่าได้มาโดยมิชอบ และพรรคอนาคตใหม่จะรู้หรือไม่ว่า กกต. จะตีความพิสดารแบบนี้

อ่านประกอบ :

@คดีกู้เงินพรรคอนาคตใหม่

รอศาล รธน.วินิจฉัยก่อน!ปธ.กกต. ชี้เงินกู้ อนค.-พรรคอื่นต่างกัน-คดีอาญา‘ธนาธร’งวดแล้ว

กกต.โดนอีก! ‘ธนาธร’จ่อฟ้องรายคนปมชงศาล รธน.ยุบ อนค.-ท้าสอบเงินกู้ได้มามิชอบอย่างไร

อนค.โต้ศาล รธน.! ไม่เปิดไต่สวนเป็นธรรมหรือไม่-หลังตีตกคำร้องแต่ขยายเวลายื่นคำให้การ

‘ปิยบุตร’ค้านคำสั่งศาล รธน.ขอให้เปิดไต่สวนพยาน-อ้างสื่อตีข่าวตุลาการฯเก่าตัดสินทิ้งทวน

มั่นใจไม่ถูกยุบ! ‘ปิยบุตร’แถลงแจงปมร้อนศาล รธน.นัดวินิจฉัยคดีกู้เงิน 21 ก.พ.

ศาล รธน.นัดชี้ชะตา! วินิจฉัยคดียุบ อนค. กู้เงิน 21 ก.พ.-ปมเสียบบัตร 7 ก.พ.

ขอศาล รธน.เปิดไต่สวนพยาน!โฆษก อนค. เผยส่งเอกสารเพิ่มคดีกู้เงินครบ-มั่นใจทำถูกต้อง

‘จารุวรรณ’ร้องสอดศาล รธน.ขอขยาย 30 วันแจง อนค.คดีกู้เงิน-ชี้ กกต.ยังไม่เปิดสำนวน

ทำตามขั้นตอน! กกต.แจงปมเอกสารลับยกคำร้องคดี อนค.กู้เงิน-สั่งสอบคนปล่อยหลุด

ศาล รธน.นัดวินิจฉัยคดี อนค.ล้มล้างการปกครอง 21 ม.ค. 63-สั่งแจงปมกู้เงินใน 15 วัน