ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาให้ใบดำ 'ชาติชาย วรพิพัฒน์' ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี ปชป. เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี หลังถูกกล่าวหาปราศรัยใส่ร้ายด้วยความเท็จ - สำนักงาน กกต.อยู่ระหว่างศึกษาต้องคำนวณบัญชีรายชื่อใหม่หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ร้อง นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ถูกร้อง กรณีกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 138 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 159 โดยระบุว่า นายชาติชาย มีพฤติการณ์ปราศรัยหาเสียงด้วยถ้อยความใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม และจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาว่า นายชาติชาย มีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กรณีการหาเสียงเลือกตั้งด้วยการหลอกลวงใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตัวเองจริง จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง (ใบดำ) เป็นระยะเวลา 10 ปี
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ กกต. ระบุพฤติการณ์ของนายชาติชายที่เป็นเหตุให้ต้องมีมติส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครและสิทธิเลือกตั้งรวมทั้งดำเนินคดีอาญา ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ส.ส. มาตรา 138 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 159 ว่า จากพยานหลักฐานพบว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2562 เวลา 10.18 น. นายชาติชาย ได้ปราศรัย หาเสียงเลือกตั้งที่บริเวณตลาดวังพง ต.ขุนซ่อง อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี มีถ้อยคำว่า “ส.ส.ประชาธิปัตย์คนเดิมทั้ง 3 คนได้ถูกซื้อตัวแล้วย้ายพรรคไปแล้ว" ซึ่งผู้ร้องที่ยืนคำร้องเรื่องนี้ต่อกกต.ยืนยันว่า ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาผู้ร้องได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์
แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ย้ายมาสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ การปราศรัยหาเสียงดังกล่าวของนายชาติชาย จึงหมายถึงผู้ร้องซึ่งอดีตเคยเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ถ้อยคำดังกล่าวจึง เป็นการใส่ร้ายผู้ร้องและทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจย้ายพรรคเพราะถูกซื้อตัว ละทิ้งอุดมการณ์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อันเป็นการใส่ร้ายด้วยความเท็จ จูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยม และจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับนายชาติชาย
รายงานข่าวแจ้งว่า คดีนี้แม้จะไม่ทำให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ สำนักงาน กกต. กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาว่าความผิดในกรณีดังกล่าว จะถือว่าเป็นเหตุทุจริตเลือกตั้งที่ทำให้ต้องมีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ ตามมาตรา 131 วรรค 2 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งฯ ส.ส. โดยอาจส่งผลถึงความเปลี่ยนแปลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่จะถูกหักคะแนนของนายชาติชายออกจากคะแนนรวมของพรรค
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/