ศาลอุทธรณ์ ยืนโทษคุกหนักสุด 8 ปี จนท.อบต.น้ำหมัน อุตรดิตถ์-เอกชน ตรวจรับถนนไม่ถูกต้อง

ป.ป.ช. แพร่ผลคดีชี้มูลความผิด จนท.อบตน้ำหมัน อำเภอท่าปลา อุตรดิตถ์ -เอกชน ร่วมมือตรวจรับงานโครงการถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งที่ก่อสร้างไม่ครบถ้วนถูกต้อง ล่าสุดศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโทษจำคุกหนักสุด 8 ปี ปรับ 1.2 หมื่น หลังโดนหนัก 16 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง

picayoyoyoyo6 24

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ผลความคืบหน้าคดี กล่าวหาเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) น้ำหมัน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ และเอกชน คือ นายศราวุฒิ ห่วงศร นายวิทยา ด้วงปวน และห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) โอวาสิทธิ์ ตรวจรับงานโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายต้นขนุน (บ้านทรายงาม-บ้านน้ำต๊ะ) หมู่ที่ 10 ถึงหมู่ที่ 8 และ โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (สายแก่งวังวัว) หมู่ที่ 10 ทั้งที่ ก่อสร้างไม่ครบถ้วนถูกต้อง ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 162 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2557 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2561 ยืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ว่า นายศราวุฒิ นายวิทยา และ หจก.โอวาสิทธิ์ ผิดตามมาตรา 157 และ 162 ประกอบมาตรา 86 การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 157 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามมาตรา 90 ขณะที่เป็นกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ตามมาตรา 91

ลงโทษ จำคุก นายศราวุฒิ กระทงละ 1 ปี รวม 16 กระทง เป็นจำคุก 16 ปี นายวิทยา จำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 16 กระทง เป็นจำคุก 128 เดือน หจก. โอวาสิทธิ์ ปรับกระทงละ 12,000 บาท รวม 2 กระทง เป็น ปรับ 24,000 บาท

จำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพ ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 78 คงจำคุก นายศราวุฒิ 96 เดือน (8ปี) นายวิทยา 64 เดือน (5.3 ปี) และปรับหจก. โอวาสิทธิ์ 12,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29

สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 162 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการดังต่อไปนี้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่

(1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ
(2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง
(3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความเช่นว่านั้น หรือ
(4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2562 เห็นชอบตามความเห็นของอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่ฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

picmiuyy0004 10 19