ป.ป.ช. แถลงฟัน ‘วิโรฒ สำรวล’ อดีตผอ.สามเสนวิทยาลัย กับพวก ทุจริตเบียดบังเงินบริจาคผู้ปกครองนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ 1.4 ล้าน ชี้มูลความผิดอาญา-โทษวินัยร้ายแรง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2562 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่ข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายวิโรฒ สำรวล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กับพวก กรณีทุจริตเบียดบังเงินบริจาคจากผู้ปกครองในการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษไปเป็นประโยชน์ส่วนตน 1.4 ล้านบาท
รายละเอียดระบุว่า นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องจากสำนักงาน ป.ป.ท. เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 กรณีกล่าวหานายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กับพวก ว่าทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 2 ราย เพื่อแลกกับการเข้าเรียน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีมูลจึงได้มีคำสั่ง ที่ 324/2561 ลงวันที่ 18 เมษายน 2561 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการการไต่สวนข้อเท็จจริง จากพยานหลักฐานฟังได้ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ออกประกาศ เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีการศึกษา 2560 ลงวันที่ 16 กันยายน 2559 โดยสาระสำคัญของประกาศฯ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวคือ โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงจะมีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษ ก็ได้หลายกรณี เช่น 1) นักเรียนได้คะแนนสอบเท่ากันในลำดับสุดท้าย 2) นักเรียนที่มีข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน 3) นักเรียนที่เป็นผู้ยากไร้และด้อยโอกาส 4) นักเรียนที่เป็นบุตรผู้เสียสละเพื่อชาติหรือผู้ประสบภัยพิบัติที่ต้องได้รับการสงเคราะห์ดูแลเป็นพิเศษ 5) นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่สหกิจ หรือโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย 6) นักเรียที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียน และ 7) นักเรียนที่อยู่ในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยก็จัดอยู่ในประเภทโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง
ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้ออกประกาศ เรื่องการรับนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ ลงวันที่ 9 มีนาคม 2560 โดยกำหนดหลักเกณฑ์การรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ พิจารณา 4 ข้อ คือ 1) ข้อตกลงในการจัดตั้งโรงเรียน 2) บุตรข้าราชการครูและบุคลากรปัจจุบันของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยและโรงเรียนอนุบาลสามเสน (สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอุปถัมภ์) 3) นักเรียนในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่อง และ 4) นักเรียนโควตาตามข้อตกลงของโรงเรียนคู่พัฒนา หรือโรงเรียนเครือข่าย
ก่อนมีการประกาศผลการสอบคัดเลือก ประจำปีการศึกษา 2560 ผู้ปกครองของนักเรียนจำนวนหนึ่ง ได้แสดงความจำนงต่อสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ให้พิจารณารับบุตรหลานของตนเข้าเป็นนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ ประเภทนักเรียนในอุปการะของผู้ทำคุณประโยชน์ต่อโรงเรียน โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ก่อนการประกาศผลการสอบคัดเลือกนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษ ประจำปีการศึกษา 2560 นายวิโรฒ สำรวล กับพวก ได้โทรศัพท์ติดต่อผู้ปกครองของนักเรียนที่ยื่นแสดงความจำนงไว้ เพื่อขอคำยืนยัน เรื่องการบริจาคเงินให้โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยหลายราย หลังจากนั้น ในวันที่ 5 เมษายน 2560 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้ประกาศผลการสอบคัดเลือกนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2560 โดยมีรายชื่อนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ จำนวน 60 ราย หลังจากนั้น ผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษ จำนวน 6 ราย ได้นำเงินมาบริจาคให้กับโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย โดยนายวิโรฒ สำรวล และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ร่วมกันรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียน จำนวน 6 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,440,000 บาท แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2560 สื่อมวลชนได้เสนอข่าว เรื่องผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง เรียกรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่ง จำนวน 400,000 บาท เพื่อให้บุตรของตนได้มีโอกาสได้เข้าเรียน โดยมีคลิปวิดีโอภาพและเสียงประกอบการเสนอข่าว หลังจากนั้นใน วันที่ 20 มิถุนายน 2560 นายวิโรฒ สำรวล จึงได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยยอมรับว่าตนเป็นบุคคลที่ปรากฏในคลิปวิดีโอ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงิน 400,000 บาท ตามที่เป็นข่าว และภายในวันเดียวกัน นายวิโรฒ สำรวล นายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ และนายประเจิน โชติพงศ์กุล ครูชำนาญการพิเศษ (หัวหน้างานรับนักเรียน โรงเรียน สามเสนวิทยาลัย) ได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี ฝ่ายบริหารงานบุคคลการเงินและสินทรัพย์ 1 โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ออกใบเสร็จรับเงินว่าโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้รับเงินบริจาค โดยให้ลงวันที่ย้อนหลัง แต่เจ้าหน้าที่การเงินฯ แจ้งว่าไม่สามารถออกใบเสร็จรับเงินโดยลงวันที่ย้อนหลังได้ บุคคลทั้งสามจึงได้ร่วมกันสั่งให้เจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงิน โดยสั่งให้ลงวันที่ในใบเสร็จรับเงินเป็นวันที่ 21 มิถุนายน 2560 แล้วนำเงินสดบางส่วนเข้าฝากธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงการคลัง ตามรหัสศูนย์ต้นทุนของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ผ่านระบบ GFMIS โดยมีเจตนาเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของนายวิโรฒ สำรวล กับพวก มีมูลความผิด ดังนี้
1. นายวิโรฒ สำรวล และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ กรณีรับเงินบริจาคโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน แล้วเบียดบังเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต แล้วข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงินและนำเงินส่งคืนภายหลังเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน.มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83 มาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 วรรคสาม และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
2. นายประเจิน โชติพงศ์กุล กรณีร่วมกันข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินฯ ออกใบเสร็จรับเงิน เพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลอื่น มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 84 วรรคสาม และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 94 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547
ทั้งนี้ การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/