
คดี 'บิ๊กโจ๊ก' พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. แบล็คเมล์ ให้สินบนทองคำแท่ง 'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ' พ่นพิษ คณะกรรมการ ป.ป.ช. นัดประชุมด่วน 30 ธ.ค.นี้ ให้ถอนตัวการควบคุม 'สำนักไต่สวนทุจริตภาคภาครัฐ 1' ที่มีอำนาจไต่สวน หน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรม ยังมึนมีอำนาจไต่สวน กรรมการ ป.ป.ช. ด้วยกันเอง ต้องมีมติส่งให้หน่วยงานอื่นดำเนินการแทน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 คณะกรรมการ ป.ป.ช. นัดประชุมด่วนวาระพิเศษ เนื่องจากปรากฏข่าวในสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (บก.ปปป.) เข้าค้นบ้านพัก อาคารสำนักงาน และอาคาร ที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก อดีตรองผบ.ตร. รวม 11 จุด รวมถึงสมาคมชาวปักษ์ใต้ ถนนรัชดาภิเษก ในคดีที่มีการกล่าวหาว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ให้สินบน นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. และพวก เป็นทองคำ น้ำหนัก 246 บาท เพื่อให้ช่วยเหลือคดีที่ตนเองถูกกล่าวหาและคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนอยู่
แหล่งข่าวกล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า ข้อกล่าวหาที่มีต่อนายเอกวิทย์ เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและกระทบต่อภาพลักษณ์ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขณะที่นายเอกวิทย์ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้ควบคุมดูแลสำนักตรวจสอบทุจริตภาครัฐ 1 (สตร.1) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนการทุจริตที่เกิดขึ้นในหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม และอัยการ ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจจะขอให้นายเอกวิทย์ ถอนตัวจากการควบคุมดูแล สตร. 1 และสลับดูแลสำนักงานอื่นแทน
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนั้น ยังมีปัญหาว่าในคดีนี้เมื่อพนักงานสอบสวนหรือตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นในเบื้องต้นจะต้องส่งสำนวนการสอบสวนมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาเนื่องจากเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่มีปัญหาเกิดขึ้น ก็คือ เมื่อมีการกล่าวหากรรมการ ป.ป.ช. รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ไม่ได้ให้อำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยกัน แต่เป็นอำนาจของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาซึ่งจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนพิเศษขึ้นมาพิจารณาโดยช่องทางตามกฎหมายต้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่เพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาเพื่อส่งให้ประธานศาลฎีกาดำเนินการต่อไป
“ดังนั้นในกรณีนี้เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนการสอบสวนมาให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. คณะกรรมการจะต้องพิจารณาข้อกฎหมายให้ชัดเจนว่าจะส่งเรื่องหรือสำนวนไป ในช่องทางไหนเพื่อให้มีการดำเนินการไต่สวนตามกฏหมายได้” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2568 มีรายงานข่าวจากแหล่งข่าวตำรวจ ปปป. ที่ดำเนินการสอบสวน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อ้างว่า ในการนำทองคำไปมอบให้กับกรรมการ ป.ป.ช. นั้น มีการแอบถ่ายคลิปไว้ โดยการสั่งการของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์เองเพื่อ สำหรับใช้เป็นเครื่องมือในการแบล็คเมล์กรรมการ ป.ป.ช. หากไม่ดำเนินการให้ตามที่มีการตกลงกัน
หลังจากนั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ก็ได้เร่งรัดกดดันกรรมการ ป.ป.ช.มาโดยตลอด จนสุดท้ายได้มีความพยายามติดต่อ ขอคืนทองคำ ให้กับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์แต่ก็ยังไม่มีการคืนทองคำกันได้

@ ภาพหลักฐานทองคำแท่งในคดี
จนในที่สุด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ได้ออกมากดดัน กล่าวหาตำรวจว่าเป็นองค์กรอาชญกรรมเเละเรื่องส่วย ในส่วนคดีตนเองก็พยายามโยนความผิดให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ในทุก ๆ เรื่อง เพื่อให้ตนเองพ้นผิด “สุดท้าย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ทนไม่ไหว ”
จึงนำคลิปการนำทองที่ไปมอบให้กรรมการ ป.ป.ช. มามอบให้กับทีมตำรวจ บก.ปปป. พร้อมให้รายละเอียดในทางคดี รวมถึงบอกเล่า หรือที่เรียกว่าเเฉพฤติกรรมต่างๆ ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงในหลายประเด็น
ส่วน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และพร้อมจะใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
อ่านประกอบ:
- ตร. จู่โจมค้นเครือข่าย 'บิ๊กโจ๊ก' 11 จุด หาหลักฐานคดีขนทองแท่ง 246 บ.ติดสินบน ป.ป.ช.
- ตร.ปปป.เผย 'ภาคภูมิ' แฉ'บิ๊กโจ๊ก'ใช้ทอง 10 ล.แบล็คเมล์ ป.ป.ช.หวังหลุดคดีเว็บพนัน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา