
พรรคประชาชนเปิดตัว 4 ว่าที่รองนายกฯ ‘ศิริกัญญา-พิจารณ์-เดชรัต-วีระยุทธ’ ตั้งเป้ารัฐบาลพรรคเดียว กวาด 250 เสียง รื้อโครงสร้างประเทศ พร้อมโต้ข้อหา ‘ฝ่ายค้ำ’ ยันพร้อมยุบสภาหากผิด MOA
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับที่ 1 ของพรรคประชาชน กล่าวปิดในการประชุมว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อรวม 500 คน ว่า การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ มีความสำคัญอย่างมากต่อการกำหนดอนาคตของประเทศ และครั้งนี้ 1 เสียงของประชาชนจะเป็นเสียงประกาศิตที่กำหนดว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล เพราะไม่มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) มาช่วยเลือกนายกรัฐมนตรี
นายณัฐพงษ์ กล่าว่า รัฐบาลประชาชนเท่านั้นที่สามารถจัดการทุกปัญหา พาประเทศไทยไปไกลกว่าเดิมเนื่องจากพรรคทำการเมืองโปร่งใส ไม่ซื้อเสียง และไม่ติดหนี้บุญคุณใครนอกจากประชาชน พร้อมระบุว่า ในปัจจุบันพรรคกำลังสู้กับทุนเทายึดประเทศ และพรรคประชาชนเป็นพรรคเดียวที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนเทา หรือคนสนิทฮุน เซน นายณัฐพงษ์ทิ้งท้ายว่า วันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันที่ประเทศไทยเดินมาถึงทางแยกที่ประชาชนต้องเลือกว่าจะได้รัฐบาลแบบเดิม หรือรัฐบาลประชาชน ที่จะพาประเทศไทยไปไกลกว่าเดิม
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ได้เปิดตัวว่าที่รองนายกรัฐมนตรีจำนวน 4 ท่าน หากพรรคประชาชนได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้แก่
1. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค กรรมการบริหาร และอดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ดูแลเรื่องประชาธิปไตยและความมั่นคงใหม่
2. นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center และอดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (รวมถึงเป็นอดีตที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน) ดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตใหม่
3. นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคด้านยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกฯ ดูแลเรื่องเศรษฐกิจใหม่
4. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคด้านนโยบาย และแคนดิเดตนายกฯ (รวมถึงอดีต สส.บัญชีรายชื่อ) ดูแลเรื่องการปฏิรูปรัฐบริหารราชการแผ่นดินใหม่
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้จะประกาศเพียงแค่รองนายกรัฐมนตรี 4 คน และจะประกาศชื่อว่าที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไปในช่วงกลางเดือนมกราคม ขณะเดียวกัน พรรคได้เปิดไทม์ไลน์ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคประชาชนจะเปิดนโยบายชุดใหญ่ในวันที่ 25 ธันวาคม และจะมีการเปิดรับบริจาคระดมทุนก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 27 ธันวาคม 2568

ภายหลังจากงานสัมนา น.ส.ศิริกัญญา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ชี้แจงถึงการเตรียมพร้อมเข้าสู่ทีมบริหารว่า หน้าที่รองนายกฯ เป็นการทํางานแบบเป็นทีมเวิร์กภายใต้การทํางานร่วมกันทั้งหมด การมอบหมายให้บุคคลมาทำนโยบายตั้งแต่ต้น จะทำให้การนำนโยบายไปปฏิบัติได้จริง รวดเร็ว และใกล้เคียงกับความเป็นจริง เธอกล่าวว่า การแบ่งงานระหว่าง 4 ท่านนี้ครอบคลุม 4 ด้านหลัก คือ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านคุณภาพชีวิต และการปฏิรูประบบราชการ
นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร กล่าวเสริมว่า พรรคเน้นการทํางานเป็นทีม เนื่องจากประชาชนคนไทยเห็นแล้วว่าการจะมี 'ฮีโร่' มาช่วยประเทศเป็นไปไม่ได้แล้ว ปัญหาเรื้อรังของประเทศไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ต้องทำงานร่วมกันหลายจุด โดยมีเป้าหมายและภารกิจร่วมกัน พร้อมระบุว่า คณะรัฐมนตรีมี 36 คน รวมถึง สส.บัญชีรายชื่ออีก 100 คน ทุกคนต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งความท้าทายในปัจจุบัน อย่างเช่น ปัญหาด้านสแกมเมอร์ ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งความมั่นคง ตำรวจ รวมถึงตลาดเงินตลาดทุน
เกี่ยวกับเป้าหมายทางการเมือง น.ส.ศิริกัญญา ยอมรับว่า การตั้งเป้า 250 เสียงถือเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน แต่พยายามจะไปให้ได้ และอยากได้คะแนนไว้สำรองอีกสักเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจ หากประชาชนไม่อยากให้เกิดการปรับเปลี่ยนโควตาในตำแหน่งรัฐมนตรี หากต้องเป็นรัฐบาลผสม ก็ขอให้ช่วยเลือกพรรคประชาชนให้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว
สำหรับกรณีการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นกับ สส. ซึ่งมีคดีในชั้นการไต่สวน เช่น คดี 44 สส. หรือ 25 สส. น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า นี่เป็นการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ด้วยการปรับให้คนที่เคยเป็น สส.เขต ย้ายมาลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ก็จะสามารถลาออกเพื่อเลื่อนอันดับขึ้นได้ เธอย้ำว่าพรรคพยายามปิดทุกความเสี่ยงที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์และมั่นใจเต็มที่ในการต่อสู้คดีนี้ แต่ก็ทราบว่า "ในประเทศนี้ไม่ได้มีอะไรที่ตรงไปตรงมาขนาดนั้น"
ในประเด็นที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รักษาการนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ระบุว่าพรรคประชาชนเป็น 'ฝ่ายค้ำ' นั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้ง อาจมีการป้ายสีกันไปมา เธอยืนยันในจุดเดิมอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่มีใครค้ำใคร และเมื่อใดที่พรรคเห็นว่ากระบวนการทำตามบันทึกความตกลง (MOA) เป็นไปไม่ได้แล้ว พรรคก็จะใช้กลไกทางสภานำไปสู่การยุบสภาในที่สุด เธอกล่าวว่า ไม่กังวลใจหากมีการใช้คำนี้หาเสียงพุ่งเป้าที่พรรค เพราะพรรคสามารถอธิบายต่อสาธารณะให้เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และยืนยันว่าพรรคไม่ใช่ฝ่ายค้ำแน่นอน
ส่วนข้อครหาเรื่องกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร สส. ที่มีคนวิจารณ์ว่าเลขาธิการพรรคเป็นเผด็จการ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวรุนแรงและไม่เป็นความจริง เนื่องจากกระบวนการคัดสรรมีคณะกรรมการสรรหา ไม่ได้เป็นภาระของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เธอยังชี้ให้เห็นว่า เลขาธิการพรรค (สมัยอนาคตใหม่คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และสมัยก้าวไกลคือ นายชัยธวัช ตุลาธน) หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกลายเป็นเป้าโจมตีเมื่อมีการคัดสรรผู้สมัครในทุกยุคทุกสมัย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา